ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามของคณะแล้วที่จัดทำโครงการศิลปศาสตร์รับอรุณ โดยมีทั้งอาจารย์และบุคลากรของคณะเข้าร่วมโครงการอย่างคับคั่ง หลายคนอาจสงสัยว่า รับอรุณคืออะไร ก็ต้องขอตอบว่า โครงการนี้เรามีเป้าหมายเพื่อพัฒนาบุคลิกภาพความเป็นมุสลิมให้กับบุคลากรของคณะ เพราะในเมื่อแบตเตอรี่ยังต้องชาตไฟ มีหรือไฟในการทำงาน ไฟของความศรัทธาจะเต็มอยู่เสมอ มันต้องมีบ้างที่ไฟจะลด ดังนั้นคณะจึงจัดโครงการนี้ขึ้น เพื่อเติมไฟศรัทธา
กิจกรรมในโครงการก็ไม่มีอะไรมาก ตอนเย็นของวันแรกก็ออกกำลังกัน แข่งขันกีฬาเล็กๆ น้อยๆ เช่น เปตอง ฟุตบอล แบดมินตัน หลังจากนั้นก็ละหมาดมัฆริบร่วมกัน ทานข้าวเย็นร่วมกัน หลังอีซาก็ฟังการบรรยายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน เพื่อเติมไฟแห่งศรัทธาและสร้างความใกล้ชิดระหว่างพี่น้องร่วมศรัทธา
ครั้งนี้ได้ อ.มัสลัน มะหามะ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารมาเป็นแขกบรรยายพิเศษ
ตอนตี 3 ทุกคนก็ตืนมาทำกียามุลลัย (ละหมาดกลางคืน) เสร็จแล้วก็กินข้าวตอนดึก เพื่อเป็นเสบียงสำหรับการถือศิลอดในวันนี้
จากนั้นก็ละหมาดซุบฮีร่วมกันและฟังนาซีฮัตจากผม และตามด้วยคำกล่าวจากท่านคณบดีเป็นการปิดท้าย
ถ้าถามว่าการมานอนที่คณะได้อะไร ผมคงต้องยกคำพูดของท่านคณบดีมาอ้างว่า ถ้าเราทำกียามุลลัยที่บ้าน เราอาจจะลืมขอดุอาให้กับลูกศิษย์ของเรา แต่มาที่คณะนี้ เราน่าจะนึกถึงสิ่งที่เราให้กับศิษย์ของเราได้ดีกว่าที่อื่น
เราเป็นอาจารย์ที่รับผิดชอบในการให้ความรู้ประสบการณ์แก่ศิษย์ของเรา และคำถามสำคัญคือ เราเคยขออภัยให้กับศิษย์ของเราบ้างใหม่
และในการมานอนที่คณะเพื่อทำการตืนขึ้นมาตอนดึกและทำการละหมาด ขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์ ทำให้เราเกิดการสำรวจและปรับปรุงตนเองได้
การเป็นอาจารย์เป็นเรื่องใหญ่ครับ ในความจริงมันไม่ใช่แค่การบรรยาย การสอนให้ความรู้เท่านั้น แต่เป็นการสร้างสังคม สร้างชาติ หากแค่ทำให้คนรู้ แต่ไม่ได้สร้างให้เขาเป็นคนที่สมบูรณ์มันก็เปล่าประโยชน์
และการจะสร้างคนให้เป็นคนดีคนที่สมบูรณ์ได้ก็จะต้องมีแม่แบบที่สมบูรณ์ด้วยเช่นกัน
ผมคิดว่าคงมีที่ทำงานไม่กี่ที่นักหรอกที่มีกิจกรรมอีบาดะห์เพื่อพัฒนาบุคลากร เพื่อการทำงานที่สมบูรณ์ในอนาคต
และที่คณะศิลปศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา คือที่หนึ่งที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะเราต้องการให้ที่นี่คือ สถาบันการศึกษาที่บูรณาการหลักคำสอนของอิสลามไว้อย่างสมดุลย์
ไม่มีความเห็น