โดน ดัชนีแปะโป้ง จากคุณหมอปารมี (รศ.พญ. ปารมี ทองสุกใส) เข้า
อือม์...มีความลับอะไรกับเขาดีน๊า...
(พูดยังกับไม่มีแน่ะ)
เอาอย่างนี้
ความลับที่ 1 ขี้ลืม
ผมขี้ลืมหนักมาก ก่อวีรเวรไว้ไม่น้อยเพราะลืม จนตอนนี้หาคนวางใจเรื่องความจำจากผมยาก
ผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับบันทึกมีชีวิต ส่วนหนึ่งเพราะเป็นการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เพราะผมเรียนรู้ว่า ระบบบันทึกที่ดีจริง ๆ นั้น จะทำให้ผมอยู่ร่วมกับความขี้ลืมได้อย่างสงบ
ข้อดีของการขี้ลืมก็มีอยู่ คือทำให้ผมเก็บความลับคนอื่นเก่ง ไม่ปากพล่อยทำตัวเป็น mp3 player ฉบับเคลื่อนที่ เพราะผมจะ reboot หน่วยความจำทันทีที่ฟังเสร็จ
ข้อดีอีกอย่างคือ เรื่องที่จบ ก็จบ ทำให้ไม่แบกความทุกข์นาน ไม่ต้องเก็บเศษชิ้นส่วนมาสานต่อให้เป็นเรื่อง
ความลับที่ 2 ง่วงได้ทั้งวัน
ผมอยู่ได้ด้วยกาแฟ จริง ๆ ก็อยากงด แต่ถ้าช่วงไหนต้องการสมรรถนะสมองในระดับสูง ผมต้องใช้กาแฟ
เวลานักศึกษานำงานมาให้ตรวจ ผมมักต้องบอก "เดี๋ยวนะ" แล้วแวบไปหยิบกาแฟกระป๋องแช่เย็นมานั่งดื่มย้อมใจก่อน ไม่งั้นความคิดไม่สร้างสรรค์ ความฝันไม่บรรเจิด
ผมเคยอ่านประวัติของแอร์ดิช (จากหนักสือ ชายผู้หลงรักตัวเลขเป็นชีวิตจิตใจ) รายนั้นเขาถือว่า กาแฟคือบ่อเกิดทางคณิตศาสตร์ คือถ้าไม่กินกาแฟ จะไม่มีผลงานคณิตศาสตร์ออกมาสู่โลก ถึงปานนั้น
อ่านแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย
ความลับที่ 3 เด็กชอบแกล้งผม
ไม่รู้เป็นไง เด็กเล็กเด็กน้อยชอบแกล้งผมมาก
ผมก็เลยต้องป้องกันตัว
ถือหลัก "จู่โจมก่อนมีเปรียบ"
จนถูกค่อนแคะประจำ
"แกล้งเด็กอีกแล้ว ?"
คือ...รักเด็กครับ
(พูดไป โบกมือไป แล้วเอามือแตะปากหน่อยนึง ก่อนโบกต่อ)
จริง ๆ แล้ว ที่ต้องหยอกเด็ก เพราะถือเป็นหน้าที่
คือผมเชื่อของผมเอาเองว่า
"เด็กน่ะ ถ้าไม่โดนแกล้ง ไม่โดนหยอก โตขึ้นจะไม่ฉลาด อีคิวไม่ดี"
ดังนั้น ผมถึงเชื่อว่า
"การแกล้งเด็ก การหยอกเด็ก เป็นหน้าที่ของมนุษยชาติ"
โอย..พูดเรื่องนี้แล้วเจ็บสีข้างแฮะ ไม่รู้เป็นอะไร..
ความลับที่ 4 กินเป็นแต่อาหารปักษ์ใต้
ข้อนี้ทำให้ผมไม่ชอบไปไกล ๆ หรือถ้าไป ก็ไม่นาน เพราะหากผิดลิ้น ปากจะตรอมตรม
อาหารดี อาหารเลิศ สุดหรู สุดวิเศษ ล้วนไม่ใส่ใจ ขอแกงบ้าน ๆ ปักษ์ใต้ก็พอ
ไม่ใช่หยิ่ง แต่เป็นความ "โลวฺ์โซ" ของลิ้น
ผมเองก็ไม่มีปัญญาแข็งขืนบังคับ "ข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า" ครับ
ความลับที่ 5 ผมชอบฟังดนตรี แต่ไม่ชอบร้องเพลง
ผมชอบฟังเพลงที่คุณภาพเครื่องดนตรีถึงระดับ โดยเสียงนักร้องต้องเข้าข่ายเป็นเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งด้วย เว้นแต่ทำนองเพลงอ่อนหวานน่าฟังเป็นพิเศษ
ผล...
ไม่ชอบฟังตัวเองร้องเพลง ฟังแล้วรู้สึกเหมือนฟังวัวถูกเชือด เกิดอาการอนาถใจ ปลงสังเวช ต้องแผ่เมตตา
และรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ จากใจจริงหากโดนใครเชิญให้ขึ้นร้องเพลง
แต่ฟังดนตรีได้หลากหลายครับ ยกเว้นแจ๊ซ หูไม่ถึง และโปรเกรสซีฟ ร็อค หรือเฮฟวี่ เมทัล ซึ่งฟังแล้วปวดหูไปหน่อย
สารภาพกันแบบสิ้นยางเลยนะนี่
อ้อ..ลืม..เพลงยุคหลังประเภทหน้าตาดีแต่เสียงไม่ได้ความ นี่ก็ไม่ฟังครับ (ก็คือตัดทิ้งเพลงไทยยุคใหม่รวดเดียวเกือบเกลี้ยง ที่ฟังอยู่มั่ง มักเป้นเพลงแนวติีง-ต๊องที่ฟังแล้วอารมณ์ดี - ความลับข้อที่ 6 ครับ ซึ่งหมดโควตาแล้ว เย้..)
เฮ่อ..เหนื่อยแฮะ
ผมขอแปะโป้งต่อ...
สวัสดีครับ
นายบอนเขียน tag ไว้นานแล้วครับ แล้วให้ข้อมูลความรู้เรื่อง tag ไว้ด้วย ที่บันทึก
จดหมายลูกโซ่สำหรับคนเขียนบล็อก : Blog-Tag – A Game for a Virtual Cocktail Party.
เขียนเืมื่อ 10 ม.ค.2550 ครับ
อ้าว..ผมลืมไำปครับ ว่าเคยผ่านตา
มิน่า..รู้สึกสงสัยตงิด ๆ อยู่ในใจเหมือนกัน
ขออภัย..ขออภัย...
อ่านความลับของอาจารย์ ทำให้สัมผัสได้มุมสบายๆ มากกว่าบันทึกอื่นๆ ของอาจารย์นะคะ
รู้สึกเรื่องขี้ลืม จะเป็นสากล โดยเฉพาะกับคนวัยกลางๆ อย่างพวกเราเน๊าะ
อาจารย์ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์ ...
คุณหมอรศ.พญ. ปารมี ทองสุกใส ...
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านความลับ แอบประัทับใจกับคำว่าแปะโป้งค่ะ อ่านแล้วนึกถึงตอนเด็ก ๆ ค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม...
คุณมะปรางเปรี้ยว...
คุณโอ๋-อโณ
ตอกย้ำมุมกวนๆ ชอบแหย่เด็กให้เห็นจริงๆใช่ไหมคะ :-)
คุณโอ๋-อโณ
ท่าน อ.ลูกหว้า..
คุณโอ๋-อโณ (อีกที)