ใครจะเคยคิดว่าชีวิตนี้ต้องมายืนดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนดื่มกาแฟตอนเช้า แล้วนั่งดูพระอาทิตย์ตกตอนกำลังนั่งเรียนวิชาคาบบ่าย...
ถ้าอยู่เมืองไทยคงจะไม่รู้สึกว่า "เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกในแต่ละวันนั้นต่างกัน" เพราะประเทศไทยตั้งอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตร ทำให้ช่วงกลางวันและกลางคืนใกล้เคียงกันตลอดทั้งปี แต่ประเทศสก๊อตแลนด์นี่อยู่ทางตอนเหนือของแผนที่โลก จะมีช่วงเวลากลางวันและกลางคืนแตกต่างกันไปตามแต่ฤดูกาล ในฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) และฤดูหนาว (Winter) สองฤดูนี้กลางวันจะสั้นกว่ากลางคืนมาก พระอาทิตย์จะขึ้นประมาณ 7-8 โมงเช้า หรืออาจจะถึง 9 โมงเช้า แล้วพระอาทิตย์ก็จะตกประมาณบ่าย 3-4 โมงเย็น
ช่วงฤดูนี้ที่สก๊อตแลนด์ เราตื่นขึ้นมาทันดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนแปดโมงเช้าเป็นประจำ พร้อมกับยืนจิบกาแฟที่ริมหน้าต่างต้อนรับวันใหม่่ ทั้ง ๆ ที่ตอนอยู่เมืองไทย ให้ตื่นมาทันดูพระอาทิตย์ขึ้นนะเหรอ บอกได้คำเดียวเลยว่า "ยาก...." ได้เดินเล่นตอนพักเที่ยงไม่เท่าไหร่ พอวิชาคาบบ่ายก็ต้องมานั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน ตอนบ่ายเป็นที่รู้ ๆ กันดีว่าเด็กนักเรียนจะเผลอ (หรืออาจจะตั้งใจ) หลับกันเป็นส่วนใหญ่ แล้วนี่ยังต้องมองพระอาทิตย์ตกดินอีกเหรอ แสงแดดหายไปแสงไฟเข้ามาแทนที่กันเห็น ๆ ความรู้สึกดี ๆ ตอนดูพระอาทิตย์ขึ้นก็เปลี่ยนไป กลับคิดว่าทำไมมืดเร็วจังเรายังเรียนไม่เสร็จเลยนะเนี่ย แต่ก็แอบนึกขำในใจ "เอ๊ะ เราเป็นนักเรียนภาคค่ำตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ"
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนสี่โมงเย็น นั่งคุย MSN กับพี่ชายที่อยู่เมืองไทย แล้วบอกพี่ว่าพระอาทิตย์ตกดินแล้วนะพี่ พี่งงนิดหน่อยและคงนึกว่าเราล้อเล่น เราเลยถ่ายรูปวิวนอกหน้าต่างแล้วส่งเมลล์ให้พี่ดูตอนนั้นเลย พี่ชายเราถึงได้รู้ว่า
4 โมงเย็นสก๊อตแลนด์ก็คือ 6 โมงเย็นเกือบ ๆ ทุ่มนึงของเมืองไทยนั่นเอง!!!
สวัสดีครับ ณิช
เรื่องนี้ดีมากเลย เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับอีกหลายๆ คนครับ ทำให้พี่นึกถึง 2 เรื่อง ที่อยากเล่าเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพราะประเด็นคล้ายๆ ก้น :-)
เรื่องแรก แบบเดียวกับเรื่องนี้เลย คือ ตอนพี่ได้ไปต่างประเทศครั้งแรก (เรียนอยู่ ปี 2) ไปอังกฤษตอนช่วงหน้าร้อน เป็นค่ายวิทยาศาตร์สำหรับเยาวชนอะไรนี่แหละ
ปรากฏว่า 2 ทุ่มแล้วยังสว่างจ้ายังกะ 4 โมงเย็นเลย นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้รู้สึกทันทีว่า อ้อ! ประเทศที่อยู่คนละละติจูดกับเราเป็นอย่างนี้เอง จะไปเหมาเอาว่า 6 โมง เป็นตอนเย็น ต้องเริ่มมืดแล้วไม่ได้นะ ;-)
อีกเรื่อง ไม่ใช่ประสบการณ์ตรง แต่เป็นเรื่องของ น้ำแข็ง และสำนวน 'ปั้นน้ำเป็นตัว' ของไทยเรา
คือตอนสมัย ร.4 นี่ มีการนำเข้าน้ำแข็งมาจากโรงงานในสิงค์โปร์ พอคนไทยได้ยินเข้า (เข้าใจว่าเป็นเจ้านาย) ก็พูดออกมาในทำนองว่า น้ำเหลวๆ จะเป็นรูปเป็นร่างได้อย่างไร อย่ามา "ปั้นน้ำเป็นตัว" (= พูดโป้ปด = โกหก) หน่อยเลย
เรื่องนี้เล่าจากความจำ จึงอาจมีรายละเอียดผิดเพี้ยนได้ แต่ถ้าต้องการเนื้อหาไว้อ้างอิง จะไปค้นในหนังสือของคุณ ส. พลายน้อย ให้นะครับ ^__^
สวัสดีค่ะ อาจารย์บัญชา