วันนี้นั่งทำงานอยู่กับโต๊ะประมาณ ๙ ชั่วโมง สอนพร้อมตรวจงานนักศึกษาอีกประมาณ ๓ ชั่วโมง ขณะนั่งทำงานก็แทรกการแต่งเพลงได้เพลงหนึ่งครับ...เป็นเพลงพื้นเมืองล้านนา ยังไม่ได้ตั้งชื่อเพลงครับ มีเนื้อร้องดั่งนี้ครับ
ยามเมื่ออ้ายกึ๊ดเติงหา น้องจั๋นตาไปอยู่เติงใด
ตกหม่าค่ำอ้ายไขไห้ หมองหม่นใจ๋ ย่ะอ้ายใจ๋ไหวหวั่น
จั๋นตา จาไดบ่กึ๊ด กึ๊ดฮอดตี้เฮาฮักกั๋นแปงกั๋น
หวานจื้น เกยสุขสมใจ๋ ก๊ากิ๋นแก๋งหน่อไม้ บ่ใส่น้ำปู๋
จึ่งย่ะหื้อน้อง กึ๊ดลืมอ้ายปั๋น
จั๋นตา...กลับมาเต๊อะ กลับมาบ้านเฮา น้องไขได้อะหยัง
ก๊าว่าตั๋วอ้าย เป๋นคนบ่ดี ก๊าไขก้ายไขหนี ไปมีกู้ใหม่
วานบอกอ้ายปั๋นสักกำ
อาจารย์ร้องทำนองเพลง บ่าวเคิ้น ก่อเจ้า
จั๋นตาหนีไปแอ่วตางใดเจ้า อ๊ออ๊อย เอ็นดูล้ำ
อาจารย์ อารมณ์สุนทรียดีแต้เน้อครับ
................
อาจารย์จันทรัตน์ อู้เรื่อง "บ่าวเคิ้น" ฟังแล้วสะดุ้งครับ
สวัสดีครับ อ.จันทรรัตน์ /คุณจตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร และคุณสุรชัย (โยเย) พฤกษาพิสิฐ
ขอบคุณครับที่ให้ข้อคิดเห็น เพลงนี้เขียนด้วยเหตุจากการนั่งทำงาน เผอิญว่าเอากีต้า ไว้ใกล้โต๊ะทำงานตลอด ผนวกกลับเคยแต่งเพลงอ้ายปั๋นฮักน้องจั๋นตา มาแล้วครั้งหนึ่ง จึงจะทำเพลงอ้ายปั๋นภาค ๒ ขึ้นครับผม
ส่วน "บ่าวเคิ้น" แปลว่า หนุ่มใหญ่ที่ไม่ได้แต่งงาน แต่น่าจะเป็นหนุ่มใหญ่ขนาดอายุเท่าใดนั้น เดี๋ยวบอกไปก็เคืองกันหลายคน
เพลงที่แต่งมีมูลเหตุของอดีตที่ลุงปั๋นเคยอกหักเพราะน้องจั๋นตา(จั๋น ในภาษาล้านนาแปลว่าดวงจันทร์ ส่วนตาเป็นคำขยายให้มีความหมายไปในทำนองว่า เป็นแก้วตาดวงใจอะไรทำนองนั้น หรือจั๋นเป็ง แปลว่าจันทร์เพ็ญ เป็นต้น)
แต่จั๋นตา ในภาษาเพลงของผมใช้แทนชื่อคนที่เคยรักเฉย ๆ และต้องการอนุรักษ์ชื่อคำเองไว้ครับ