คิดนอกกรอบ VS มีกรอบแต่ไม่คิด


การทำงานเกือบจะทุกอย่าง เท่าที่ผมลองสังเกตุดูแล้ว พบว่า  มนุษย์เงินเดือนที่จะต้องส่งรายงานต่อผู้บังคับบัญชา ส่งรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยทั่วไปในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ ดังนี้

แบบที่ 1 คิดนอกกรอบ

คิดนอกกรอบ ในที่นี้ผมขอยกเว้นที่คิดเรื่องเชิงสร้างสรรค์ คิดดีมีประโยชน์ โดยไม่ผิดกฏ ระเบียบ เอาไว้นอกเหนือการอธิบายตรงนี้ .....การคิดนอกกรอบในอีกมุมมองความจริงอีกด้านหนึ่ง มีอยู่ว่าคนในกลุ่มนี้โดยพื้นฐานแล้วเขาชอบเป็นตัวของตัวเอง คือไม่ชอบให้ใครมากำชับ หรือสั่งการ ว่าจะต้องทำตามที่สั่ง มีรูปแบบ มีแบบฟอร์มให้ก็ไม่เอา ฉันจะคิดและทำของฉันอย่างนี้ อย่างนี้เป็นต้น แต่การทำงานไม่ว่าแวดวงใดก็ตามย่อมมีระบบ ระเบียบ เป็นตัวกำหนดกรอบเหล่านี้ไว้กว้างๆ ซึ่งหมายความว่า จะทำอะไรก็ได้ที่เกิดสัมฤทธิผลกับตนเอง งาน และองค์กรที่สังกัดอยู่ หาใช่จะทำได้ตามสะดวกสบาย จนไร้กรอบ ไร้ซึ่งวัฒนธรรมที่ดีงาม ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ ขาดจรรยาบรรในวิชาชีพ

แบบที่ 2 มีกรอบแต่ไม่คิด

เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับแบบที่ 1 คือมีกฏ ระเบียบที่ดีมีความยืดหยุ่นได้ ให้อิสระการทำงานมากมาย มีทรัพยากรและงบประมาณเพียงพอ แต่ก็ยังไม่คิดให้นอกกรอบถึงวิธีการทำงานที่ดีกว่านี้มาปรับใช้ ...คนกลุ่มนี้ชอบให้สั่งการ ต้องคอยกำชับ มีรูปแบบที่เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน เช่น 1+1 จะต้องเท่ากับ 2 เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ฉันจะไม่เชื่อ หน่วยงานหรือองค์กรต้องการอะไร อย่างไร จะต้องมีรูปแบบให้ แล้วก็กำหนดขั้นตอน 1-2-3 มาให้ด้วยจะดีมากเลย มีกฏระเบียบแนวปฏิบัติ (ที่เคยชิน) อย่างชัดเจน ทำแล้วไม่ผิดกฏ ไม่ผิดครรลอง และที่สำคัญต้องถูกใจฉันด้วยน่ะ ถ้าจะให้ฉันคิด หากต้องการให้ฉันทำได้มากกว่านี้ก็ เพิ่มเงิน เพิ่มสวัสดิการให้ด้วยยิ่งดี ...ภาพเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่อาจพบในหลายองค์กร

ข้อสังเกตุทั้ง 2 แบบ เป็นเรื่องปกติธรรมดาของการทำงานครับ ซึ่งความคิดนี้อาจจะผิด-จะถูกอย่างไร ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ ไม่เกี่ยวกับทฤษฎี ไม่เกี่ยวกับองค์กรใดๆ ทั้งสิ้น

หมายเลขบันทึก: 76506เขียนเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2007 05:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

อรุณสวัสดิ์ค่ะ  สายน้ำแห่งความคิด

  • การคิด...ครูอ้อยคิดแบบเรื่อยเปื่อย  นอกกรอบเสียส่วนมากค่ะ
  • การคิด...ครูอ้อยมักจะยึดความถูกต้อง...จึงไม่ค่อยจะถูกใจคนอื่น โดยเฉพาะคนที่เหนือกว่า
  • การคิด...ครูอ้อยมักจะคิดแบบอิสระ  เพราะเชื่อว่า  ไม่มีใครเหนือใคร  แต่คนอื่นเขาคิดตรงกันข้ามกับครูอ้อยเสมอค่ะ
  • อย่างไรก็อ่านบันทึกนี้แล้ว..ได้..ความคิดที่โดนใจครูอ้อยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

อ่านบันทึกนี้ของครูอ้อยหรือยังคะ  กำหนดวันแน่นอนแล้ว..ลูกรัก

เรียนเชิญนะคะ

จะคิดใน  คิดนอก  ไม่บอกได้

แต่คิดแล้ว  นำไปใช้  ให้เกิดผล

สร้างผลงาน สร้างคุณค่า ในบัดดล

นี่แหละคน รู้จักคิด ให้คิดเป็น

เข้ามาทักทายครับ................

คิดนอกกรอบที่ว่า คือการคิดแบบแหกคอก (ระเบียบปฏิบัติ)

 คิดไปคิดมาจนต้องบัญญัติศัพท์ใหม่แล้วหรือครับ

สวัสดีค่ะ

ขอแลกเปลี่ยนความรู้ตามคำขอค่ะ

เห็นด้วยกับประโยคที่ว่า "ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ" คิดนอกกรอบและมีกรอบแต่ไม่คิด

โดยส่วนตัวแล้ว จะเป็นคนที่ชอบคิดอะไรนอกกรอบเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว (แม่ชอบถามว่า "คิดได้ไง" แต่ไม่ผิดนะคะ) การเรียน (เพื่อนสงสัยว่า ไปเอาความคิดพิกลแต่ไม่พิการมาจากไหน..??) หรือการทำงาน สำหรับเรื่องการทำงาน ติมทำงานอยู่ในส่วนราชการ ที่ต้องเป็นไปตามระเบียบต่างๆ ในส่วนนั้นเราก็ทำตาม (โดยไม่อึดอัดใจ) แต่เรื่องไหนที่มีช่องให้เราคิดนอกกรอบได้อย่างอิสระ ติมก็มักจะเอาความคิด แอบออกมาเที่ยวเล่นอยู่เป็นประจำ ^_^  แต่บางครั้งความแตกต่างระหว่างวัยของคนทำงานก็มองในมุมที่ต่างกันบ้าง ความคิดเห็นส่วนทางกัน ความคิดที่แอบไปเที่ยวเล่นก็ถูกดึงกลับมาตามความคิดเห็นส่วนใหญ่ บางทีก็ขัดใจ (เพราะเราเป็นวัยร้อน) แต่ก็แอบดีใจ ที่อย่างน้อย เราก็มีความคิดเป็นของตัวเอง แม้ว่าจะไม่มีคนเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้เลิกคิดนอกกรอบได้ซะที...^_^

แบบที่ 2  การมีกรอบแต่ไม่คิด

ตรงนี้ติมมองว่า ด้วยธรรมชาติ ด้วยระยะเวลา และด้วยวัย (ความคิดเห็นส่วนตัวและสิ่งที่พบเจอ)  ทำให้ต้องคิดมากขึ้น คือคิดหลายด้าน คิดในมุมมองของผู้มีประสบการณ์ ทำให้พบข้อจำกัดหลายอย่าง จึงทำให้ไม่ค่อยอยากจะคิดนอกกรอบมากนัก บางทีถ้าเราได้ทำอะไรเหมือนเด็กๆ คือช่างคิด ช่างสงสัย แบบมีอิสระ ไม่มีมิติของกฎระเบียบมาเป็นกรอบ อาจทำให้เรามีมุมมองที่แตกต่าง (งง!!)

นี่ติมแสดงความคิดมากไปหรือเปล่าคะ ^_^ ขออภัยนะคะ  เป็นคนคิดอะไรเรื่อยๆ ไม่ค่อยอยู่ในกรอบเท่าไหร่ค่ะ 

แล้วจะมาแลกเปลี่ยนเรื่อยๆนะคะ 

ขอเพิ่มอีกประเภทคือ มีให้คิดแต่ไม่อยากจะคิดทั้งสองแบบ คือ...อยู่แบบตัวกู..ของกู...อย่ามายุ่งมุ่งแต่กูอย่างเดียว

ขออภัยครับ ภาษที่ใช้เป็นการเปรียบเปรย ไม่ได้หมายความว่า ผู้เขียนจะเป็นเช่นนั้นแต่คนเราอาจจะมีบ้างในสถานการณ์บางเรื่อง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท