วันนี้(๔ กพ ๕๐) ผมได้ไปประชุมร่วมกับกลุ่มเกษตรกรทำงานภายใต้โครงการ “ฟื้นฟูต้นทุนชีวิต” ของ “หญิงเหล็ก” ศิริลัคนา เปี่ยมศิริ ที่บ้านชะโนดน้อย อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ที่มีสมาชิกเข้าร่วมประชุมอย่างครบถ้วน เกือบร้อยคน และผมก็ได้นำเสนอการจัดการความรู้เรื่อง วิธีการผลิตข้าวโดยการไม่ไถ ทั้งเพื่อการลดต้นทุนการผลิตและการรักษาสิ่งแวดล้อมในดินโดยการไม่ทำลายดิน
นอกจากนี้ จากการพูดคุย ผมได้มีโอกาสสัมผัสความรู้สึกที่ชาวบ้านอึดอัดกับระบบทรัพยากรที่เปลี่ยนแปลงไปมาก และจำกัดการพัฒนาตามภูมิปัญญาดั้งเดิมของเขา ที่ใช้ระบบการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ แต่ปัจจุบันนั้นใช้วิธีเดิมไม่ได้อีกแล้ว
อันเนื่องมาจากลักษณะของ “นาขอบเหล็ก” ที่ทั้งขยายไม่ได้เพราะถูกตีกรอบล้อมด้วยนาของคนอื่นที่เกิดจากการแบ่งที่ดินทำกิน (Land fragmentation) และยังไม่มีป่าหัวนา และร่องน้ำหางนาที่เป็นระบบธรรมชาติที่เคยมี
คำพูดที่ขมขื่นที่สะท้อนมาในนามของ “นาขอบเหล็ก” แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาการพึ่งพาธรรมชาติที่เคยมี และทำไม่ได้อีกแล้ว เช่น
· มีการสูญหายไปของป่าไม้หัวนาที่เป็นแหล่งต้นน้ำ ธาตุอาหาร อินทรียวัตถุ และทรัพยากรสนับสนุนอื่นๆ
· ขาดการเชื่อมโยงกับแหล่งน้ำที่ไหลมาจากที่อื่น
จึงทำให้ “นาขอบเหล็ก” ต้องได้รับการดูแลมาก จึงจะให้ผลผลิตได้
ในประเด็นนี้ ถ้ามองในเชิงวิชาการแล้ว ชาวบ้านจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนภูมิปัญญาให้มาเกิดขึ้นในพื้นที่ตนเอง ทั้งระบบต้นไม้ ที่อาจจำเป็นต้องปลูกขึ้นมาในแปลงตนเอง ทดแทนสิ่งที่สูญหายไป และอาจต้องยอมเสียพื้นที่ทั้งเพื่อการปลูกต้นไม้และแหล่งน้ำ ในพื้นที่ของตนเอง จึงจะทำให้เพิ่มระดับความสามารถในการพึ่งตนเองได้มากขึ้น ในรูปแบบที่เคยมีมาในอดีต
แต่แนวทางนี้ก็ยังถูกบีบคั้นด้วยความจำเป็นที่จะต้องผลิตให้มากขึ้นในพื้นที่ที่ลดลง
ดังนั้นการทำการเกษตรประณีต เชิงอนุรักษ์จึงเป็นยุทธวิธีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เกษตรกรจะต้องมาปรับตัวใหม่โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในรูปแบบใหม่ ที่ต้องค้นหาว่า
· พืชชนิดใดที่สามารถปลูกทดแทนไม้ป่าดั้งเดิม และสามารถใช้ประโยชน์ในทางการเกษตรได้ด้วย
· การจัดการแหล่งน้ำในไร่นาแบบใด ที่จะช่วยลดผลเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ และเสียพื้นที่นา สวน น้อยที่สุด หรือใช้ประโยชน์ไดมากที่สุด
การจัดการแบบนี้ก็จะช่วยให้ลดปัญหาขีดจำกัดของ “นาขอบเหล็ก” แต่กลับทำให้นาเป็นระบบที่พึ่งตัวเองได้เช่นเดิม ภายใต้ชุดความรู้ใหม่ที่ทดแทนของเก่า ที่ใช้ไม่ได้อีกต่อไป
ประเด็นนี้ต้องได้รับความสนใจทั้งในเชิงวิชาการ และเชิงนโยบาย จึงจะทำให้งานนี้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมครูบาครับ
นาขอบเหล็ก” คือนาที่ไม่สามารถขยายไม่ได้อีกแล้ว
เพราะ
ชาวบ้านต้องจัดการและใช้ความรู้มากกว่าเดิมครับ จึงจะอยู่ได้