เครือข่ายหลังจากตั้งแล้วจะเจริญก้าวหน้าต่อไปได้หรือไม่ จำเป็นต้องอาศัยความสามารถหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือความสามารถในการเรียนรู้ของเครือข่ายเอง
ผมฟังประสบการณ์การทำงานเครือข่ายของเครือข่ายแผนแม่บทชุมชนพึ่งตนเองภาคใต้ นำโดยผู้ใหญ่โกเมศว์ ทองบุญชู ประธานเครือข่ายฯ เล่าเมื่อวัน 29 ม.ค.50 ในการประชุมขับเคลื่อนงานพัฒนาของภาคประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาสุขภาพภาคประชาชนภาคใต้นครศรีธรรมราช แล้วผมก็สรุปอย่างนั้น
ผู้ใหญ่โกเมศว์ ท่านเล่าว่าเมื่อเริ่มต้นสร้างเครือข่ายก็มักจะสร้างเสียใหญ่โต ครอบคลุมพื้นที่และผู้คนมากมาย แต่พัฒนาการไปไม่ถึงไหนไม่เจริญก้าวหน้า สุดท้ายซบเซา ลีบและเล็กลง ท่านใช้ศัพท์ของท่านว่าทำเครือข่ายแบบเรียวหางหนู หางหนูมันจะเรียวปลาย การทำเครือข่ายที่เริ่มจากใหญ่แล้วไม่ค่อยพัฒนาสุดท้ายลีบลงๆ ก็เหมือนกับหางหนูอย่างไงอย่างงั้นเลยครับ
เครือข่ายแผนแม่บทชุมชนพึ่งตนเองฯที่ท่านขับเคลื่อนอยู่ก็เป็นอย่างนั้น เริ่มต้นจากทำใหญ่โตเหมือนกัน คิดทำในทุกตำบลของจังหวัดนครศรีธรรมราชจำนวน 165 ตำบล ทำมานานหลายปี จนมีผลงานที่เด่นชัด มี อบต.กำหนดข้อบัญญัติงบประมาณให้การหนุนเสริมแผนแม่บทชุมชนฯแล้วจำนวน 72 ตำบล ยังได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนตำบลทั้งหมดของจังหวัดฯ และที่เด่นชัดในเรื่องสวัสดิการชุมชนระดับตำบลที่ อบต.ได้ให้งบประมาณหนุนเสริม และปฏิบัติการตามแผนจนเห็นผลกับชาวบ้านแล้วจำนวน 18 ตำบล (ถอดบทเรียนและนำเสนอในวันประชุม)
ผมฟังผู้ใหญ่โกเมศว์พูดแล้ว เห็นว่าภาคประชาชน ภาคประชาสังคม เขาได้เคลื่อนงานแบบนี้มาก่อนนานแล้ว ได้มีประสบการณ์มีบทเรียนที่ดี ควรแก่การเรียนรู้โดยเฉพาะกับโครงการจัดการความรู้แก้จนเมืองนครฯที่เราที่ทำงานนี้มาได้ 2 ปีแล้ว
ภาคประชาชนภาคประชาสังคมเขาทำงานเครือข่ายมาก่อน บอกประสบการณ์ให้อย่างนี้แล้ว แล้ว KM ภาคราชการจะไม่รีบนำเอาไว้เป็นบทเรียนกันหรือครับ
ต้องเรียนรู้วิธีการทำงานจากชาวบ้านกันเยอะๆนะครับ
นำประสบการณ์ดีๆมาฝากครับ
เข้ามาเรียนรู้ค่ะ
เห็นจะจริง และ
ขอบคุณค่ะ สำหรับบทเรียนที่มีคุณค่ายิ่งชิ้นนี้
คุณหมอนนทลี แห่งเพื่อนร่วมทางครับ
หากเราจะได้สกัดออกมา เราก็จะได้ความรู้จากชาวบ้าน ภาคประชาชนมากมายครับ นี่คือตัวอย่างครับ หากผมมีโอกาสไปร่วมอีกเมื่อไหร่ ผมสัญญาว่าจะนำมาเล่าอีกนะครับ.......ขอบคุณที่เข้ามา ลปรร.
น้องสิงห์ป่าสัก ครับ
เขียนเอาไว้เพื่อเรียนรู้และเตือนตนเองครับ
ผมว่าขึดจำกัดที่เวลาครับ
ผมไม่มีปัญหาเรื่องเรียวลง แต่มีปัญหาแผ่วลงครับ เมื่อเราต้องกระจายเวลาไปบนเครื่อข่ายที่กว้าง
แต่วันหนึ่งก็ลงตัว
สำคัญที่ความเข้าใจซึ่งกันและกันครับ
ดร.แสวง ครับ
เขียนเอาไว้เตือนตนเองครับ เพราะ KM ราชการมันมีบทเรียนมามากว่าทำใหญ่ไปก่อน แล้วสุดท้ายก็ค่อยจางลงๆ ซึ่งจริงๆแล้วน่าจะทำจากเล็กๆไปก่อน แต่ก็เล็กอย่างมีคุณภาพครบเครื่องนะครับ แล้วค่อยขยายใหญ่ขึ้นๆ อย่างนี้จะจีรังยั่งยืนมากกว่า แต่ที่ต้องทำใหญ่ครอบคลุมหมดทุกพื้นที่ก็มีเหตุผลอีกครับว่าโอกาสในการเรียนรู้จะต้องให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน จะเลือกปฏิบัติกับบางหมู่บ้าน ตำบล ก็ไม่ได้อีก จำเป็นจะต้องทำหมด เมื่อทำหมดกับทุกพื้นที่ก็กลัวจะเข้าทำนองดังกล่าว บทความนี้จึงเอาไว้ระวังตนเองครับ
ขอบคุณครับอาจารย์