ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วระหว่างทางที่เราเดินผ่าน เราจะเห็นความสวยงามตามธรรมชาติ นักศึกษาเริ่มทะยอยกันมามากขึ้น เนื่องจากมีการหลงทางกันบ้าง นักศึกษาหลายคนเริ่มหยุด มองดอกไม้ริมทาง เสียงชี้ชวนกันดูพรรณไม้ต่างๆ แบ่งงานกันไปสัมภาษณ์ และเก็บข้อมูล
นักศึกษาที่เคยเดินทางมา survey รอบแรกได้อธิบายเส้นทางเดินและมีเสียงเตือนจากชาวบ้านว่าฝนตกมากทำให้บางที่ไม่สามารถเดินไปดูได้ แต่เราก็ดั้นด้นจะไป ลำบากนักศึกษาตำรวจต้องวิ่งไปสำรวจก่อน...
ระหว่างที่สัมภาษณ์ชาวบ้านหันไปดูอีกที คุณนักศึกษาทั้งหลายเริ่มเก็บผลไม้น้อยหน่ากินกันเป็นที่สนุกสนาน เพราะเจ้าของบอกว่าไม่ได้ฉีดยา"ทานได้เลย" เท่าที่สังเกตุมีการปลูกน้อยหน่า ขนุน มะละกอ ฯลฯ ตามเส้นทางล้วนปลูกแต่ไม้ผลพืชผักที่ทานได้ทั้งนั้น บางมุมก็มีสวนสมุนไพร ฟักทองปลูกอยู่ข้างๆบ้านซึ่งไม่ได้ฉีดยาเช่นกัน
เราเดินกันมาจนถึงบ้านของแม่เจ้าของบ้าน ซึ่งเดินออกมาต้อนรับเราเป็นอย่างดี บอกว่าเพิ่งจะเก็บยอดขี้เหล็กจะมาแกงตอนเย็น อาหารการกินล้วนทานแบบมังสวิรัติ คุณยายปล่อยให้เราเดินชมบริเวณได้ มีมุมสำหรับเพาะต้นไม้เล็กๆและมอบให้แก่นักศึกษากลับไปปลูกที่บ้าน มองไปด้านหลังบ้านมีถังสำหรับทำปุ๋ยชีวภาพ ที่นี่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ทำให้ต้องพึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์มองดูเท่ห์ทีเดียว
ชาวบ้านได้ขุดสระน้ำเพื่อเป็นแหล่งน้ำสำหรับใช้สอย มองดูสวยงามตามธรรมชาติ ระหว่างที่เราเดินทางกลับเจอฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ
แต่นักศึกษาบางคนยังไม่หยุดการเก็บข้อมูล พวกเราต้องรีบวิ่งเดินหนีฝนออกมา เพราะเดี๋ยวจะลำบากในการเดินทาง ถนนยิ่งเป็นดินแดงอยู่ด้วย หลายคนประคับประคองต้นไม้ พืชสมุนไพร เพื่อ
กลับไปปลูกที่บ้าน
กว่าจะหลุดออกมาถนนได้ล้วนเปียกไปตามๆกัน เท้าแต่ละคนมีแต่ขี้โคลน เราจึงวิ่งหาที่ล้างเท้ากันบริเวณข้างๆคันนานี่แหล่ะ น้องชายเจ้าของบ้านเดินตามมาส่ง ด้วยถนนค่อนข้างเล็กจนกลับรถยากมาก ทุกคนหันกลับไปมองเส้นทางที่เราเดินออกมา เราได้พบวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ที่นับวันจะหาได้ยากในสังคม ดิฉันให้นักศึกษาทุกคนกลับไปทำงาน บันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้จากชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง
หลังจากวันที่เราไปเยี่ยมเยือน วันรุ่งขึ้นป่วยไปตามๆกัน แต่อาจารย์สบายดี ให้มันรู้ซะบ้างว่าคุณหนูก็อึดเหมือนกัน ทราบมาว่าเส้นทางนั้นฝนตกหนักมาก น้ำท่วมหลายพื้นที่ อดเป็นห่วงจริงๆ แต่เราก็เชื่อว่าเขาจะสามารถพึ่งตนเองได้ เมื่อยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง....
สวัสดีค่ะ อ.ลูกหว้า
อ่านบันทึกนี้แล้วเห็นความเป็นเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ
อ.ลูกหว้าครับ รูปได้บรรยากาศดีจังเลยครับ เขียวชะอุ่ม ยิ่งบอกฝนตกยิ่งเห็นภาพเลย ผมชอบบรรยากาศแบบนี้มากๆ ยิ่งทุลักทุเลยิ่งรู้สึกว่ามันดี
ุชุมชนที่เขาเป็นแบบพอเพียงจริงๆ ผมว่าก็คงเป็นแบบนี้แหละ เหมือนร้านก๋วยเตี๋ยวแบบพอเพียง ถ้ารู้ว่าได้ลงหนังสือพิมพ์เขาจะไม่ชอบมากๆ เพราะคนจะมาเยอะแยะวุ่นวายไปหมด จนเขาทำช้าๆ อย่างเคยไม่ได้ มันเป็น dilemma คือทำได้แต่โชว์ไม่ได้ ทำนองเดียวกับการท่องเที่ยวของบ้านเรา ว่าจะทำแบบอนุรักษ์หรือโปรโมท
ผมชอบยาอมลูกมะแว้งมากครับ ที่รามาก็มี เพิ่งทราบจากคุณขจิตนี่แหละว่า ลูกจริงๆ มันเป็นอย่างนี้ ขอบคุณครับ
ข้อสังเกตอีกอย่างคือ นอกจาก blog ของอ.ลูกหว้าจะชมพู หวานแหววต้อนรับวันวาเลนไทน์แล้ว รูปก็สีชมพูหวานแหววเหมือนกัน ^____^
บรรยากาศดีมากเลยครับ
วิถีแห่งการดำเนินชีวิต เราในอดีต ก็อยู่กับธรรมชาติแบบนี้
ใช้ชีวิตที่แบ่งบัน หากินเท่าที่จะใช้กิน
ซึ่งในปัจจุบัน คนเรามีความต้องการไม่สิ้นสุด ไม่เคยพอ
ซึ่งไม่ว่าหาเท่าใด ก็ไม่พอ
ถ้ารู้จักพอบ้าง
การแก่งแย่ง คงจะทำให้สังคมสงบสุขไม่น้อยเลยครับ