· การอ่านทำให้เข้าใจ การปฏิบัติทำให้เข้าถึง ถ้าทำทั้ง 2 อย่าง ถึงจะเข้าใจ แล้วพัฒนาไป เข้าถึงใจ
สโมสรคุณครูใจดี
เรื่องค่ายเด็กเรามีเจ้าประจำคือโรงเรียนรุ่งอรุณ รศ.ประภาภัทร นิยม ส่งเด็กมาเข้าค่ายทุกปี รุ่นละ 15 วัน ผมเปิดโอกาสให้เด็กในชนบทได้มีโอกาสมาเข้าค่ายร่วมกับเด็กในกรุง เพื่อให้สองวัฒนธรรมได้เชื่อมโยงกัน ให้เด็กไทยได้รู้จักรักกัน เป็นเพื่อนกัน จนหรือรวยก็คนด้วยเหมือนกัน รู้วิธีที่จะเข้าใจ เห็นใจ เผื่อแผ่น้ำใจให้คนอื่นบ้าง วิชามิตรไมตรี ความรู้สึกนึกคิดที่จะรักสังคม มันไม่ได้เกิดขึ้นจากการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียวหรอกนะ ที่มันยังหลงเหลือความรู้สึกนี้อยู่บ้าง เพราะประเพณีไทยช่วยพยุงไว้ แต่ก็ป้อแป้เต็มที ระบบการเมืองเถื่อนกำลังทำให้สังคมไทยแตกแยก เราต้องสร้างสังคมที่มีภูมิคุ้นกันมาดูแลและระแวดระวังกันเอง
· การอ่านทำให้เข้าใจ
· การปฏิบัติทำให้เข้าถึง
· ถ้าทำทั้ง 2 อย่าง ถึงจะเข้าใจ แล้วพัฒนาไป เข้าถึงใจ
การตีตราความประทับใจ ให้ตรึงอยู่ในหัวใจของเด็กๆ ซึ่งส่วนมากเด็กยากไร้คนเห็นใจและเข้าใจ ไม่ให้โอกาสดีๆแก่เขา ครูไปเถรตรงกับการเคี่ยวเข็ญเด็กเรียนในตำราอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ได้รู้และคิดเลยว่า จะจัดการเรียนให้สนุกมีชีวิตชีวาตามสภาวะและศักยภาพของเด็กแต่ละวัยอย่างไร เด็กไทยจึงเรียนแบบหวานอมขมกลืน เพราะระบบการศึกษาไทยคุมกำเนิดความรู้สึกนึกคิดที่ดีๆของเด็กๆ
การแสวงหาความรู้ ทำไมต้องมีความทุกข์ด้วย นักการศึกษาหมดปัญญาที่จะออกแบบการเรียนให้อิ่มสุข อิ่มใจ ทะเยอทะยานใจ ใฝ่รู้สู้สิ่งยากด้วยความมานะพยายาม แล้วใช่ไหม?
ถ้าการเรียนเป็นทุกข์ ทั้งเด็กและครูผู้สอน จะทำอย่างไร ข้อนี้เป็นโจทย์ที่บุคลากรโรงเรียนเม็กดำทุกคนกำลังช่วยกันหาคำตอบ!
สำหรับลูกหลานจากญาติบล็อกของผมจะมาที่นี่ ควรเป็นช่วงหนาวหรือช่วงฝน ถ้ามาช่วงแล้งเด็กๆจะร้อน ไม่สนุก เรามีกิจกรรมพิเศษ
· บทเรียนที่เก็บได้ คุณแม่คุณลูกชวนกันไปเก็บไข่ไก่ใส่ตะกร้า แล้วเอาไข่มาทำอาหาร ทำขนม ลองทำไข่ปิ้ง ไข่ตุ๋น ไข่เจียว ไข่ลวก ไข่ฮ่องเต้ ไข่ลูกเขย ฟังชื่อเหมือนธรรมดาๆ เราก็ตั้งโจทย์ว่า จะทำไข่ภาคพิสดาร ได้อย่างไร
· บทเรียนที่อุ้มได้ ไปดูคุณแม่เป็ดชวนลูกๆเดินทัวร์ไปทั่วสวน คุณแม่ไก่แจ้คุ้ยเขี่ยแมลงให้ลูกๆแย่งกันชิม คุณผึ้งบินหึ่งๆออกไปหาน้ำหวาน คุณอู๊ดเหมยซานวิ่ง100เมตรแข่งกันอุตลุด คุณติ๋ว คุณก้วยเจ๋ง ลูกวัวแสนเชื่อง จะเดินมาให้เด็กลูบหัว แล้วเดินตามก้นต้อยๆ
· บทเรียนกรุณาปราณี ชาวกันไปแปลงผัก เด็ดถั่วฝักยาว มาหั่นสั้นๆใส่กระทะผัดร้อนๆ เลือกผักที่ชอบมาชิมกันเอง คุยเรื่องสุขภาวะ จะใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดเข้าไปอีกหน่อย
· บทเรียนสร้างโลกให้น่าอยู่ ก่อนกลับปลูกต้นไม้เป็นที่ระลึก โตขึ้นเขาอาจจะเลือกเรียนด้านระบบนิเวศวิทยา สิ่งแวดล้อม อนุรักษ์ธรรมชาติ
· บทเรียนแผ่นดินไทย ถ้ามาตรงกับช่วงผลไม้สุก เราก็จะชิมมะม่วง มะละกอ ขนุน กล้วย กันให้พุงขยาย เรียนวิชา กินของไทย ชื่นชมไทย
· บทเรียนอภินิหารตะหลิวทองคำ คุณแม่คุณลูกชวนกันทำอาหาร ขนม น้ำผลไม้ปั่น แบบง่ายๆอร่อยๆถ้านัดหมายจองเวลาล่วงหน้า 2 เดือนเป็นอย่างน้อย รถไฟขบวนคุณแม่แสนดี จะได้ไม่ชนกับคณะอื่น ที่ยกทัพโยธามาบุกมหาชีวาลัยอีสานเป็นระลอกคลื่น ผมไปที่ไหนคุณพ่อคุณแม่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะคนกรุงเทพ จะเปรยทำนองหารือตลอด ช่วงปิดเทอมครูบาอยู่ไหม ว่างไหม จะพาลูกๆไปนอนคุยด้วยสัก 1 สัปดาห์ อยากให้เจ้ากระเปี๊ยกพวกนี้ได้สัมผัสกับธรรมชาติบ้าง
ผมไม่ตอบหร๊อก!!เพียงแต่นึกในใจว่า ..ให้มันจริงสักทีเถิดน่า..ฮึ! ดีแต่คิดแต่พูด ไม่ลงมือตัดสินใจให้เด็ดขาด ทำใช้ชีวิตพลาดโอกาส หัวคะมำกับความจำวับๆแวมๆ
แสดงว่าโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงหูฉี่เหล่านี้ ไม่ได้ใส่ใจจัดการเรียนเชิงทัศนศึกษาแบบโรงเรียนรุ่งอรุณ แม้แต่โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยที่ผมเป็นกรรมการโรงเรียน ผู้บริหาร ครูอาจารย์ไม่มีความคิดที่จะจัดค่ายเรียนรู้ในลักษณะที่ผมพูดถึงนี้ จะมักทำง่ายๆ สั่งรถบัสขนาดใหญ่คราวละ9-10 คัน ขนเด็กวิ่งตะบึงข้ามจังหวัดไปทัศนศึกษาที่โน่นที่นี่ วิ่งผ่านๆๆแวะโน่นนิดฟังนี่หน่อย ทำแค่นี้ เขาทำได้แค่นี้จริงๆ ครูที่หัวใจพลาสติกคิดและทำแค่นี้ โธ่!!
ถ้าต้องการค่ายคุณภาพน้ำใจในชีวิต พ่อแม่ต้องดิ้นรนจัดเสริมให้ลูกตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมสโมสรความดี ไม่ลองจัดค่ายครอบครัวขึ้นละครับ เอาคุณแม่ คุณพ่อ คุณญาติผู้ใหญ่ นัดหมายกันมาจ๊ะเอ๋!!!กันที่ใดที่หนึ่ง ปีละครั้งหรือสองครั้ง จะช่วยให้ลูกที่เรารักเป็นหนักหนา ได้มีโอกาสดีๆในชีวิตสักครั้งหนึ่ง ภาระหน้าที่ งานประจำ กองไว้สักสัปดาห์จะเป็นไรไป มันคงไม่ขึ้นอืดหรอก ถ้ามีการวางแผนที่ดี รัฐบาลเขาออกระเบียบใหม่มาเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมแล้วนะจ๊ะ..ใครไปทำงานช่วยเหลือสังคมไม่ถือว่าเป็นวันลา ให้ใช้โอกาสตรงนี้ได้คนละ 5 วันต่อปี เติมวันหยุดเข้าไป ก็ได้เวลาทำความรู้กับวิธีที่จะรักลูกได้อีกอักโขเลยนะ คุณแม่ขา..
ถ้ามาที่นี่!!! ถึงผมจะไม่ว่าง ไม่อยู่ จะมีนักศึกษาใจดีคอยเป็นพี่เลี้ยง ชวนเล่นชวนเรียน ถ้าให้ได้ประสบการณ์ที่ประทับใจในชีวิต ควรเอาเต็นท์มากางนอน ถามว่าสนุกไหมนอนในเต็นท์ ผู้ใหญ่ก็อาจจะบอกว่าพื้นมันไม่นุ่มนิ่มเหมือนเตียงที่บ้าน แต่เด็กไม่ได้คิดตรงนั้น ความแปลกใหม่เป็นเสน่ห์ที่ถ่ายทอดความรู้สึกอุ่นไอรักในครอบครัว เด็กๆหลายคนตื่นเต้นนอนไม่หลับ ผุดลุกผุดนั่งโผล่หน้าจ๊ะจ๋ากันค่อนคืน กว่าจะชะลอความตื่นเต้นลงได้ต้องใช้เวลาพอสมควร
ก่อนตื่นเช้า นอนฟังเสียงไก่ขันประชันเสียง เอ๊กอิเอ๊กเอก!! แล้วค่อยโผล่หน้าออกมายิ้มทักทายกับพระอาทิตย์ดวงโต เดี๋ยวเต็นท์นั้นโผล่เต็นท์นี้โผล่ ชวนกันออกมา เต้น!!หรือชวนกันเดินออกไปทักทายสายลมและแสงแดด นั่งคุยกันท่ามกลางแดดอุ่น ปิ้งข้าวจี่ชุบไข่ให้เหลืองหอม มีเครื่องดื่มอุ่นๆในมือ ปล่อยวางทุกอย่าง ให้ธรรมชาติดูแลเราสักวัน แล้วเราจะรักต้นไม้ สงสารใบไม้ เห็นใบไม้ปลิวพลิ้ว..ลงมาจากต้นงดงามยิ่ง
กลางคืนจัดแค้มป์ไฟ เอากล้วย ข้าวโพดออกมาปิ้ง ฟังนิทาน ร้องเพลง เรื่องเล่าเร้าพลัง คุยกันกระหนุงกะนิง..แค่นี้แหละ พ่อแม่ส่วนใหญ่จัดให้ลูกไม่ได้ พาเข้าห้าง ซื้อโน้นซื้อนี่ สร้างนิสัยบ้าซื้อ ง่ายๆ สบายดี แล้วบอกว่าแม่รักลูกแล้วนะ แม่ตามใจให้อะไรๆแล้วนะ คุณแม่รักแล้วนี่ คุณแม่ทำหน้าที่แม่แล้วนี่ จริงรึเปล่าจ๊ะ คุณแม่จ๋า!!
: ขอบ่นดังๆ ผมอยากเห็นชาวสโมสรคนดี ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือสังคมในลักษณะอิงระบบ แต่กระบวนการเหล่านี้ต้องทำด้วยใจ เสียสละ เข้าใจในเรื่องการให้ทานเป็นบารมี เท่าที่ผมรู้จักญาติที่รักหลายท่าน รู้สึกได้ว่าผมได้เจอตัวจริงเสียงจริงไม่น้อยเลย เพียงแต่ยังนึกไม่ออกไม่ชัดว่าจะดึงเอาศักยภาพ ความดี ความงามของท่านทั้งหลายมารวมพลังเพื่อสร้างพันธกิจเพื่อสังคมได้อย่างไร รูปแบบ กระบวนการ วิธีบริหารจัดการข้อจำกัดจะทำอย่างไร
ในบ้านเมืองเรามีการประชุม สัมมนา จัดกิจกรรมตีปิ๊บไม่ว้างเว้น แต่มันเป็นเหมือนนิทรรศการมากกว่า พอจะเอาเข้าจริงมันไม่ค่อยมีแก่นให้จับต้องได้มันเป็นเหมือนการเกาหิดที่คันเป็นครั้งคราวเสียมากกว่า
มิติทาสังคมเท่าที่ดำเนินการอยู่นี้ ผมเห็นศักยภาพของคนที่เสียสละเอาสิ่งดีๆที่คนเองมีมาเผื่อแผ่คนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน มีมากให้มาก มีน้อยให้น้อย ไม่มีไม่พร้อมให้กำลังใจ ให้รอยยิ้ม ให้ความคิดเห็น สิ่งเหล่านี้มีค่าไม่น้อยกว่าการเสียสละทรัพย์สินเงินทอง หรือการเสียสละอื่นใดที่นอกเหนือกว่านี้ “คำว่าเสียสละ” จะมากหรือน้อยเอาอะไรวัดว่าของใครมากกว่าใคร
มาตรฐานผม ผมวัดที่ความพึงพอใจ สุขใจของผู้ให้ ไม่ได้วัดความพอใจของผู้รับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงไม่ต้องมานั่งคิดเรื่องนี้เลย เพราะมีเป็นปกติอยู่แล้วในวิถีไทย ในช่วงที่ผ่านมาเราเผอเรอกับกระแสแสงสีเสียง เลยเดี๊ยงกันไปหมด ต้องใส่เกียร์ถอยหลังมานับหนึ่งใหม่
ขอฝากเป็นการบ้าน ถึง อ.ขจิต อ.ลูกหว้า อ.หนิง อ.แสวง อ.วิว อ.รัตติยา อ.จันทรัตน์ ฯลฯ ถ้าจะรวมตัวคุยกันในประเด็นชวนทำหน้าที่วิทยากรเพื่อสังคม
1. แต่ละท่านคิดอย่างไร
2. เรื่องที่ถนัด ชอบ ศักยภาพพร้อม
3. ความมีอิสระ หมายถึงการปรับใช้เวลา
4. พันธะหน้าที่เกี่ยวข้องกับภาคสังคม ระดับใด
5. เคยคิดเรื่องนี้ไว้บ้างหรือไม่
6. สนใจจะพบปะคุยกันในประเด็น“นโยบายสารธารณะเพื่อหน้าที่
สาธารณะ”
7. ความเป็นไปได้ในข้อ 6
7.1 เดินทางได้
7.2 สะดวกให้ความเห็นผ่านบล็อก
7.3 มีความเห็นแย้ง ขอเสนอแนวทางใหม่ที่ดีกว่า
7.4 อื่นๆ
8. ถ้าได้รับเชิญเป็นวิทยากรมาบริจาคทานความรู้ ท่านมีความพร้อม
ในระดับไหนอย่างไร