เมื่อปีที่แล้ว ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดทุกแห่ง ได้ปรับเปลี่ยนบทบาทภารกิจและชื่อองค์กรใหม่ กลายเป็น ศูนย์พัฒนาสังคม ดูเหมือนว่า ตำนานการทำงานพัฒนาชาวเขา หรือการพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูงขององค์กร ซึ่งดำเนินงานผ่านกาลเวลามาร่วมกึ่งทศวรรษ จะปิดฉากลง
สำหรับศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดน่าน ก็ได้ปรับเปลี่ยนเป็นศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 25 จังหวัดน่าน อย่างไรก็ตาม แม้บทบาทภารกิจจะเปลี่ยนไป ใช่ว่า พี่น้องชาวเขาทุกชนเผ่าในเมืองน่านจะถูกทอดทิ้ง สำนึกและจิตวิญญาณในการพัฒนาชาวเขายังคงเต็มเปี่ยมอยู่ในใจของคนทำงานอยู่เสมอ
ในช่วงแรกของการปรับเปลี่ยนองค์กร อาจมีการอึดอัด ขัดสน จำทนไปบ้าง แต่เชื่อว่าอีกสักระยะคงเข้ารูปเข้ารอย และมีทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจนขึ้น
ทุกวันนี้ ปัญหาชาวเขาเปลี่ยนแปลงไป ตามสถานการณ์ สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง จากการที่ต้องต่อสู้กับการขาดแคลนปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตในอดีต บางที่บางแห่ง เปลี่ยนมาต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงทรัพยากร นำพาสู่ความขัดแย้ง และมีท่าทีว่าจะขยายตัวสู่ความรุนแรง หากไม่นำวิถีดั้งเดิมของชนเผ่ามาปรับประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหา ปัญหาเหล่านี้ หากเข้าถึง ไม่สัมผัสชุมชน และชนเผ่าจริงๆ ไม่รู้ หรือรู้ แต่ไม่เข้าใจ..
ในจังหวัดน่านเอง ในรอบ ๑๐ ปี มานี้ ก็มีเรื่องราวความขัดแย้ง ระหว่างชนเผ่ามากมาย ที่กลายเป็นปัญหาระดับจังหวัด และถึงระดับประเทศ อย่างเช่น กรณีขัดแย้งเกี่ยวกับชนเผ่าตองเหลืองที่อำเภอบ้านหลวง กรณีขัดแย้งชนพื้นราบบุกเผาสวนลิ้นจี่ชนเผ่าม้ง ที่อำเภอเชียงกลาง หรือสดๆร้อนๆ กรณีชาวม้งบ้านดอยติ้ว ขัดแย้งกับชาวเมี่ยนบ้านน้ำงาว ฯลฯ
เหล่านี้ ทำให้เห็นว่า ปัญหาชาวเขา หรือปัญหาชนเผ่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อน มิควรนิ่งนอนใจ ที่จะป้องกันแก้ไข และการพัฒนาสังคมชาวเขา ควรดำเนินไปภายใต้บริบทของวัฒนธรรมชนเผ่า.. เพื่อมิให้เกิดปัญหาสังคม และต่อยอดความสมานฉันท์ในชนเผ่า และระหว่างชนเผ่า ให้สุขสงบ สันติ อย่างยาวนาน...
เหล่านี้ เอง ที่ยิ่งต้องย้ำว่า แม้จะปรับเปลี่ยนชื่อองค์กร และบทบาทภารกิจไปย่างไร สำนึกและจิตวิญญาณในการพัฒนาชาวเขายังคงเต็มเปี่ยมอยู่ในใจของคนทำงานอยู่เสมอ และเป็นหลักประกันว่า ชาวเขาน่าน จะต้องไม่ถูกทอดทิ้ง แม้ว่าบริบททางสังคม จะเปลี่ยนไป ท่ามกลางกระแสของการพัฒนาที่เชี่ยวกราก และทำลายรากเหง้าวิถีชีวิตเดิม..
ไม่มีความเห็น