เมื่อวานนี้ ก.พ.ร. เข้าตรวจประเมินเอกสารรายงานผลตามคำรับรองการปฏิบัติราชการปี 2549...หากเราเขียนเอกสารตัวบ่งชี้ใดที่ไม่ชัดเจนทางทีมจึงขอคุยด้วยกับผู้รับผิดชอบ...เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมในประเด็นที่สงสัย.....ดิฉั้น ถูกมอบหมายให้เป็นผู้รวบรวมจัดเก็บข้อมูลตัวบ่งชี้ที่ 13 ระดับความสำเร็จของแผนการจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ก.พ.ร.แจ้งตั้งแต่ช่วงเช้าว่าขอคุยตัวบ่งชี้นี้ด้วย....บ่ายกว่าๆ ดิฉันก็ถูกเชิญ...(ชวนคนทำที่เกี่ยวข้องไป 4 คนหวังให้ไปช่วยกันคุยเผื่อว่าดิฉั้นจะประหม่าหรือตกใจ...) ...ท่านทักทายและเริ่มด้วยคำถามว่า "พี่รับผิดชอบตัวบ่งชี้นี้อ่านแล้วสงสัยว่า ม.อ. พัฒนากระบวนการจัดการความรู้ให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนงานปกติอย่างไร" คือว่าทาง ม.อ.เขียนไม่สื่อน่ะค่ะ....
หากอ่านตามที่เขียนพี่ประเมินว่า...ได้คะแนนแค่ 3 ช่วยอธิบายนิดนึงนะคะ....
ม.อ. พัฒนากระบวนการจัดการความรู้ให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนงานปกติอย่างไร....ทวนคำถามในใจ...ตอบยังไงดีถึงจะตรงใจผู้ถาม
(ตามประสาคนที่ติดกรอบตอบเพื่ออยากเอาคะแนน....)ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่า....Boss ใหญ่ เป่ากระหม่อมให้กำลังใจแล้วเมื่อเช้านี้......ตอบไปเลยไม่ต้องกังวลคิดมาก..ตอบสิ่งที่ทำ...ไม่ต้องตบแต่งเรื่อง...ให้เท่าไรเอาเท่านั้น...ไม่ต้องกลัว.....
อย่างที่ 1 หนูเลือก กระบวนการ Internal Benchmarking ค่ะที่เป็นงานปกติ เพราะงานประกันคุณภาพเป็นงานที่ทุกคนหน้างานทำแล้วมีการประเมินทุกรอบปี...แผนการดำเนินการตลอดปี การคัดเลือก best practice จากการประเมินนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้พัฒนาตนเองแบบเรียนลัด...เกิดขึ้นเป็นปกติ
อย่างที่ 2 หนูเลือก โครงการพัฒนาหน่วยงานของภาควิชาพยาธิ ม.อ. ที่ใช้การจัดการความรู้ มาใช้ในการจัดทำโครงการพัฒนางานในภาควิชา....มีวันนำเสนอแลกเปลี่ยนมีการเรียนรู้ระหว่างกันมีการเก็บบันทึกเป็นความรู้...ที่เกิดจากประสบการณ์การทำงาน
อย่างที่ 3 หนูเลือก โครงการพัฒนางาน ในระดับคณะ หน่วยงาน และในระดับมหาวิทยาลัยทำกันอยู่...มีวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นระดับวงของตนจากนั้นมีวันรวมเป็นภาพใหญ่ของมหาวิทยาลัยอีกครั้ง ทีมงานร่วมเสริมช่วยกันคิดช่วยกันคุยในสิ่งที่ดิฉันลืมพูดถึง
แล้วเปิดตัวอย่าง ใน gotoknow ให้ดูชุมชน พยาธิ.....ชุมชนนักปฎิบัติที่อยู่วงในมหาวิทยาลัย....แล้วสำนักประกัน...ก็เปิด web ให้ดู...เรื่อง Internal Benchmarkingทั้งหมดเราประเมินว่าเรามีการใช้ในงานปกติค่ะ.ถามไปถามมาเชิงคุยกัน..มากกว่าก่อนจบการสนทนาท่านชมว่าดูทีมงานมีความสุขนะคะ.....ในการทำงาน
ท้ายของวันในช่วงการให้ข้อมูลย้อนกลับ....บอกเราว่าสำหรับตัวชี้วัด...ที่มีการอธิบายเพิ่มให้เขียนส่งไปใหม่ให้ทันวันที่กำหนด....เอ๊า!.แล้วสิ่งที่คุยกันเพิ่มเติมตั้งครึ่งชั่วโมงไม่ได้ตอบว่าเชื่อแล้วหรอกหรือทำไมต้องเขียนเพิ่มอีก เดินทางมาสอบถามตามความสงสัย...คลายสงสัยแล้วดิฉั้นคิดว่าน่าจะเป็นหลักฐานที่ได้จากการสัมภาษณ์ที่เพียงพอ....
และในการคุยกันสัพเพเหระเรื่องการจัดการความรู้นี่เองดิฉันเรียนรู้ว่าดิฉั้น....ต้องหัดคุยกับคนคนละคอ(คนที่ไม่ได้คลุกคลีงานจัดการความรู้)....ให้เข้าใจ...เหมือนที่เรารู้ เข้าใจที่ผ่านมาดิฉั้นมักชอบคุยกับคนคอเดียวกัน....สุดยอดของการขายไอเดีย...คือต้องขายสำเร็จในคนที่คิดคนละมุมกับเราไม่ใช่ เพื่อความสุขของคนขายอย่างเดียว
ชอบมากเลยค่ะ
"สุดยอดของการขายไอเดีย...คือต้องขายสำเร็จในคนที่คิดคนละมุมกับเราไม่ใช่ เพื่อความสุขของคนขายอย่างเดียว"
อยากไปให้ถึงตรงนั้นบ้างจังเลย
ถ้าผมเป็นผู้ประเมิน ในเบื้องต้น ผมให้ เต็ม "5" ไว้ก่อนแน่นอนครับ แล้วค่อยขอ "ดู" สภาพจริง เพื่อยืนยันอีกครั้ง ครับ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ฟังดู"ยาก"จังค่ะ ขอชื่นชมคุณจิ๊บในการเป็นตัวแทนพวกเราชาวม.อ.นะคะ
ก.พ.ร.ให้ 3 ไม่เป็นไร (เอ๊ะ..เป็นไร ยังไงนะคะ....ไม่ค่อยเข้าใจหรอก) เราให้กันเองเป็นหย่อมๆ บางหย่อมก็เต็ม 5 เต็ม 10 (ไม่ทราบเต็มเท่าไหร่คะ) บางหย่อมก็น้อยหน่อย แต่เราพร้อมจะช่วยเหลือ และ share.psu กันเนาะ นี่แหละความสุขของพวกเรา...เนาะ
มาเพื่อปรบมือให้
มาเพื่อเป็นกำลังใจครับ...
แต่ไม่ได้เอาไข้หวัดมาฝาก..นะครับ
"ม.อ. พัฒนากระบวนการจัดการความรู้ให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนงานปกติอย่างไร??"
ตอบไม่ง่ายนะคะคำถามนี้ แล้วก็คิดว่า คุณเมตตายังตอบไม่ตรงคำถามทีเดียวนัก ตอบให้ตรง ตอบอย่างไร ยังคิดไม่ออกตอนนี้
ในส่วนตัว คิดว่า ผู้ที่ควรตอบคำถามแบบนี้ น่าจะเป็นผู้บริหารที่รับผิดชองเรื่องนี้มากกว่า