เมื่อวานแทบไม่น่าเชื่อว่าตนเองจะมีโอกาสได้แนะนำน้อง ๆ ในกลุ่มงานเกี่ยวกับวิธีการเขียน Blog ตลอดจนเทคนิคในการนำไฟล์ภาพขึ้นแสดงใน Blog
อันที่จริงคนเหล่านี้ทั้งเจ้านุ้ย (จันเพ็ญ ศรีดาว) เจ้ายะ (สุริยะ สอนสุระ) หรือแม้แต่ เจ้าก้อง (วัฒนพงษ์ คงสืบเสาะ) ต่างก็มีทักษะการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีเหล่านี้สันทัดและจัดเจนมากกว่าผมด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะสองรายแรกนั้น ถือว่า “มือดี” ที่สุดในเรื่องพรรค์นี้ของหน่วยงานเลยก็ว่าได้
ผมทำทีวางท่า วางกล้าม เป็นผู้มีความรู้เกี่ยวกับการเขียน Blog ... เพราะอาศัยประสบการณ์ตรงในการเขียนบันทึกก่อนพวกเขา จึงพอรู้มาบ้าง (รู้แบบ งู ๆ ปลา ๆ ) แต่ก่อนหน้านี้พวกเขานั่นแหละที่ต้องแบกรับภาระเกี่ยวกับผมทั้งทำเพจประชาสัมพันธ์ แต่งภาพ ตัดต่อวีดีโอ ทำวีดีทัศน์ หรือแม้แต่ซ่อมคอมพิวเตอร์ รวมถึงเบ็ดเตล็ดทุกอย่างจากไม้จิ้มฟันยันเรือรบ
ผมเคยออกตัวไว้เมื่อคราวเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของเวที ลปรร. ว่าไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยีเอามาก ๆ แต่บัดนี้ กลับกลาย (จำเป็น) ต้องสวมหัวโขนผู้รู้แนะนำให้น้อง ๆ ได้เข้าใจและฝึกเขียน Blog ฝึกการเล่าเรื่อง (Story Telling)
จะว่าไปแล้วสถานการณ์เช่นนั้น ผมเหมือนกำลังสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ แต่เพราะบุคคลเหล่านี้ยังใหม่ต่อการเขียน Blog เลยทำให้ผมต้องคลิกโน่น คลิกนี่ให้พวกเขาได้เรียนรู้ ซึ่งเชื่อว่า “ทุนเดิม” ที่มีในตัวพวกเขาจะทำให้เขาต่อยอดไปสู่กระบวนการจัดการความรู้ได้อย่างไม่ยากเย็น
แน่นอนครับ...ผมไม่ได้สอนให้จระเข้ว่ายน้ำเป็นแน่ หากแต่กำลังพาจระเข้กลับลงคลองกันอีกยก โดยเฉพาะเจ้านุ้ยก่อนนั้นคือคนแรกของชาวกองกิจการนิสิตที่เคยเข้าสู่ blog มาแล้วนานแสนนาน ต่อมาก็เป็นเจ้หนิงและตัวของผมเอง จากนั้นก็บุคลากรก็ทยอยเข้าสู่เวที KM เป็นระยะ เริ่มจากคุณศศิ คุณสุริยะ คุณอนงค์ และคุณวัฒนพงษ์
ผมแอบยิ้มอิ่มสุขอยู่ลึก ๆ เพราะบัดนี้คนในกลุ่มงานที่ผมดูแลได้เข้าสู่เวที KM อย่างเต็มตัว เต็มใจและเต็มภาคภูมิแล้วถึง 4 คน... ภายภาคหน้าในเร็ววันผมจะเปิดโต๊ะเสวนา (Dialoque) ขับเคลื่อนในกลุ่มงานเพื่อสร้างชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice) ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเพื่อยกระดับองค์กรไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organizanization)
หรือถึงคราวต้องกำหนดยุทธศาสตร์และบทบาทการจัดการความรู้ให้ชัดเจน ทั้งคุณอำนวย (KF) คุณกิจ (KP) และคุณลิขิตอย่างจริงจังกันซะที หลังจากกองกิจการนิสิตเคยได้พาตนเองก้าวเข้าสู่เวที KM อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2550 ที่ผ่านมา และบัดนี้มีคนเข้าสู่การเขียนบันทึกแล้วจำนวน 7 คน
การสวมหัวโขนเป็นผู้รู้คราวนี้, ไม่ใช่การสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ แต่เป็นการพาจระเข้ทั้ง 4 ตัวกลับลงคลองกันอีกครั้งหลังจากขึ้นมานอนผึ่งแดดอยู่บนบกเป็นเวลาอันนาน
ผมเชื่อว่าเมื่อวานพวกเขามีความสุขในการกลับลงไปว่ายน้ำในลำคลองนั้นอีกหน ตรงกันข้ามสำหรับผม...กลับต้องไปนอนซมด้วยพิษไข้จนเขียน blog ไม่ได้ทั้งคืน !
หรือเป็นผลพวงของชะตากรรมที่บังอาจทำตัว “เป็นผู้รู้” พาจระเข้กลับลงคลองหรือไม่, ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน !
ยินดีด้วยกับพี่มนัสครับที่ มีน้องที่ใฝ่เรียนรู้ ถึง 3 ท่านครับพร้อมๆกัน
การจัดการความรู้มือเครื่องมือหลายอย่างค่ะ การเขียนblog เป็นแค่อย่างหนึ่ง เป็นเวทีเสมือนจริงในการเล่าเรื่องเร้าพลัง หรือเรื่องเล่าจากประสบการณ์ที่ทำมาแล้วสำเร็จค่ะ
อย่างเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2550 ที่ทีมสามหนุ่มสามมุม หีอ 3G ของ MSU-KM ให้เกียรติมาบรรยายพิเศษที่ กองกิจการนิสิต นั้น
ท่านอาจารย์ Panda เสนอไว้ว่า SPA ยังจำได้มั๊ยเอ่ย.. ในเอกสารการประชุมจ้ะนุ้ย