ตลกดีที่ต้องมาเขียนเรื่องนี้ อ้วนไม่อ้วนใครๆก็บอกได้ แต่ภาวะที่น้ำหนักตัวมากหรืออ้วนเป็นโรคที่ต้องได้รับการรักษา โรคอ้วนหมายถึงกรณีที่ร่างกายเรามีปริมาณไขมันสะสมอยู่มากเกินไป ปกติร่างกายของเราจะสะสมไขมันไว้ในร่างกายเพื่อสำรองเป็นอาหาร ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เป็นคล้ายเบาะกันกระแทกเพื่อป้องกันอันตรายต่อร่างกาย ผู้หญิงจะมีไขมันอยู่ 25-30 % ผู้ชายจะมีไขมัน 18-23 % ถ้าผู้หญิงมีมากกว่า 30 % และในผู้ชายมีมากกว่า 25 % ก็จะถือว่าเป็นโรคอ้วน
การวัดปริมาณไขมันในร่างกาย มีวิธีวัดปริมาณไขมันหลายวิธี บางวิธีก็ยุ่งยาก อาจต้องใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และต้องคำนวณยุ่งยากซับซ้อน แต่วิธีที่ง่ายและใช้ได้ผลพอสมควรเช่น
- การใช้ตารางน้ำหนักและส่วนสูง ตารางน้ำหนักและส่วนสูง
- การคำนวณดัชนีมวลกาย ( Body Mass Index )
- ใช้ calipers วัดความหนาของไขมันชั้นใต้ผิวหนัง เช่นที่ท้องแขน เป็นต้น
- Bioelectric impedance analysis โดยการใช้ไฟฟ้าผ่านเข้าไปในร่างกายแล้วคำนวณออกมา
- การวัดเส้นรอบเอว
การคำนวณดัชนีมวลกาย Body Mass Index ( BMI ) การคำนวณดัชนีมวลกายก็เป็นวิธีหนึ่งที่อาจใช้ประเมินว่าน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือเกินเกณฑ์ปกติ
· ค่าปกติอยู่ระหว่าง 18.5-22.9 กก./(ม)²
· ค่าอยู่ระหว่าง 23-24.9 กก./(ม)² จัดว่าน้ำหนักเกิน
· ค่ามากกว่า 25กก./(ม)² ให้จัดว่าอ้วนต้องรีบลดน้ำหนัก
สูตรคำนวณดัชนีมวลกาย
ดัชนีมวลกาย =น้ำหนัก(กก) ส่วนสูง(ม)² |
ตัวอย่างการคำนวณ |
ส่วนสูง 170ซม. น้ำหนัก 85 กก. 1. น้ำหนักตั้ง 85 กก. 2. ส่วนสูง*ส่วนสูง = 1.70*1.70 = 2.89 3. ดัชนีมวลกาย = 85/2.89 = 29.41 กก/ตารางเมตร |
หรือเราอาจเปิดตารางดูเลยก็ได้ ตารางหาค่าดัชนีมวลกาย
การวัดเส้นรอบเอว ( waist circumference )เราใช้การวัดเส้นรอบวงระดับสะดือ การวัดต้องวัดท่ายืน เท้าแยกจากกัน 25-30 ซม. และต้องวัดขณะหายใจออกเท่านั้น
ในผู้ชาย ถ้าเส้นรอบเอวมากกว่า 90 ซม. ถือว่าอ้วน
ในผู้หญิง ถ้าเส้นรอบเอวมากกว่า 80 ซม. ถือว่าอ้วน
ไม่ตลกดอกค่ะ เพราะเรา (ส่วนมากผู้หญิง) ชอบเข้าข้างตัวเอง และไม่ยอมรับความจริง แถมยังมีคนใจดีชอบปลอบว่า .... ไม่อ้วนหรอก ไม่อ้วน....
แต่....ใส่สูตรคำนวณแล้ว...อ้วนจริงด้วยยย...