เมื่อผมเข้าไปศึกษาแนวคิดบางอย่างในฮินดูธรรม มีฮินดูธรรมอันหนึ่งที่ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าผมพอใจกับเรื่องดังกล่าวนั้นคือ อาศรม โดยที่หลักนี้เป็นหลักสำคัญกับการครองชีวิตแบ่งออกเป็น ๔ ช่วงวัยคือ
๑. พรหมจารี วัยสำหรับการตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพียรศึกษาทั้งคดีโลกและคดีธรรมด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวทางเพศ มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ตลอดถึงผู้มีอุปการคุณทั้งหลาย (ประมาณ อายุที่ ๑๒-๒๕ ปี)
๒. คฤหัสถ์ คือ วัยสำหรับการมีเหย้ามีเรือน หลังจากที่ศึกษาหาความรู้มาอย่างเพรียบพร้อม ก็ต้องสืบทอดวงศ์ตระกูล เลี้ยงดูบุตรธิดาและบริวารให้อยู่อย่างเป็นสุข ซื่อสัตย์ยุติธรรม มีความอดทนในการทำงาน (ประมาณ อายุที่ ๒๖-๕๐ ปี)
๓. วานปรัสถ์ คือ วัยของการสละสิ่งต่างๆให้กับบุตรธิดาให้บริหารจัดการกันเอง ส่วนตนเองเข้าไปอยู่ป่า ฝึกจิตให้บริสุทธิ์ หรือหาความสงบทางจิตเพื่อมุ่งหมายสิ่งสูงสุดในความเชื่อของตน (ประมาณ อายุที่ ๕๑-๗๕ ปี)
๔. สันยาสี คือ วัยของการพยายามให้บรรลุความหลุดพ้น ไม่ยินดียินร้าย ไม่ยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นวัยที่พร้อมจะให้ความรู้กับผู้ฝึกฝนทั้งหลาย (ประมาณ อายุที่ ๗๖ เป็นต้นไป)
------------------
ข้อคิด วัยเกษียณอายุราชการของไทยที่ ๖๐ หรือเลยกว่านั้น น่าจะเป็นวัยวานปรัสถ์และสันยาสี หากนำหลักนี้ไปใช้ก็หมายความว่า เป็นวัยที่มีชีวิตอยู่เพื่อให้ไม่ใช่มีชีวิตอยู่เพื่อเอา เพราะไม่รู้จะเอาอะไรอีก เหลืออีกไม่เท่าไรก็ไปจากกัน หากจะยังคงเหลือให้เหลือเพียงรอยยิ้ม ความอิ่มใจ หรือรอยประทับในใจของผู้ที่จะเดินตามต่อไป
ไม่มีความเห็น