อ่านข่าวชาวระยอง โดยเฉพาะที่มาบตาพุดเดือดร้อนจากมลพิษจากเขตอุตสาหกรรม แล้วก็ให้สงสารทั้งชาวบ้าน และรัฐบาล
ดูเหมือนการประกาศเขตมลพิษจะเป็นเืรื่องใหญ่มากขนาดรัฐบาลยังลังเล ทั้งที่ตาม กม การประกาศเขตมลพิษจะมีผลให้ทุกฝ่ายลงไปร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะคือลงไปเก็บข้อมูลเอามาวางแผนว่าจะเอาไงดี
ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องดี แต่ดูเหมือนว่าเราต้องลงมือศึกษาอย่างจริงจัง เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว แถมยังต้องลังเลเสียอีกคงเป็นเพราะตราบาปที่จะมาจากการประกาศว่าเป็นเขตมลพิษ
ไม่รู้ใครอยู่แถวระยอง หรือพอรู้ว่าตอนนี้คนที่นั่นเขาคิดยังไง หรือกำลังพยาามแก้ปัญหากันยังไง
ในฐานะอยู่หน่วยราชการที่เคยมีความรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่มาก แต่ตอนนี้ต้องมานั่งงงๆว่า แต่ละเรื่องเป็นความรับผิดชอบใคร ผมรู้สึกว่าบ้านเรามักจะปล่อยให้ต้องตกเป็นฝ่ายรับตลอดเวลา ใครจะทำงานเชิงรุก ต้องใช้ทรัพยากรก็จะถูกตั้งคำถามมากมาย เพราะรู้สึกเสียดายงบประมาณ
เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใหญ่ ถ้ารัฐบาลไม่มีวิธีลดความกังวล หรือสร้างแรงจูงใจให้คนในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหามลพิษในสิ่งแวดล้อม โดยไม่ต้องรอให้ปัญหาเกิดก่อน เราจะให้คนไทยอยู่เย็นเป็นสุขน่าจะยากมาก คงมีแต่คนอยู่ร้อนนอนทุกข์ แบบที่ครูบาสุทธินันท์พูดถึงอยู่บ่อยๆ
เหมือนสมัยหนึ่งทึ่ประกาศนโยบายสุขภาพดีถ้วนหน้า แต่ไม่สนใจเรื่องเอดส์อย่างจริงจัง (ในยุคแรกๆ)
ขอเข้าplanet อาจารย์นพ.สมศักดิ์
พรบ. สุขภาพแห่งชาติ 2550
ม 10 เมื่อมีกรณีมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน หน่วยงานของรัฐที่มีข้อมูลดังกล่าว ต้องเปิดเผยข้อมูลนั้น และวิธีป้องกันการกระทบต่อสุขภาพให้ประชาชนทราบและจัดหาข้อมูลให้โดยเร็ว
ม 11บุคคลหรือคณะบุคคลมีสิทธิได้รับรู้ข้อมูลคำชี้แจงจากหน่วยงานของรัฐก่อนการอนุญาตฯหรือการดำเนินโครงการที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของตนหรือของชุมชนและแสดงความเห็นของตนในเรื่องดังกล่าว