บ้าน...ซึ่งผมอาศัยอยู่ ที่จังหวัดนครนายกนั้นเป็นบ้านของอาม้า..แม่ของแม่ เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกใต้ถุนสูง (เรียกว่าบ้านสองชั้นก็ได้) บ้านนี้ปลูกบนที่เช่าของชาวบ้าน ตรงที่บ้านอยู่นั้นเรียกว่า ปากคลองบางไพร ต.ท่าทราย อ.เมือง จ. นครนายก มีวัดที่อยู่ใกล้ๆ เรียกว่า วัดโรงหิน..
อาม้า..เป็นลูกจีนที่เกิดในเมืองไทย..ไม่เคยได้เรียนหนังสือ..พูดภาษาไทยชัด..ตัวเล็ก ใจดี แต่ชอบพูดจาแบบสมัยพ่อขุนฯ..อาม้ามีอาชีพทำขนม และหาบไปขาย
บ้านที่อยู่ อยู่ห่างท่าน้ำของแม่น้ำนครนายกไม่มาก สร้างตามกันมาแบบ ภูมิปัญญาไทย คือยกพื้นสูง..เพราะน้ำในแม่น้ำนครนายก จะเอ่อล้นในหน้าน้ำทุกปี ซึ่งบางปีก็มาท่วมพื้นที่บ้านด้วย
เนื่องจากแม่เป็นพี่สาวคนโต..จึงไม่ได้เรียนหนังสือ และต้องช่วยอาม้าหุงข้าว ทำกับข้าว หาบน้ำ ตั้งแต่ยังเล็กเพียง ๑๐ ขวบ..
ชีวิตของคนสมัยก่อนจะผูกพันกับแม่น้ำ...ทุกเช้าแม่จะไปตักน้ำที่แม่น้ำ และหาบมาใส่ตุ่มในครัว แกว่งสารส้มให้น้ำตกตะกอน ..ตกเย็นมาแม่จะพาลูกๆ ไปอาบน้ำที่ท่าน้ำก่อนค่ำ..แม่จะทำงานประจำเช่นนี้ทุกวัน
แม่แบ่งน้ำเป็น ๒ ตุ่ม คือตุ่มน้ำใช้ กับตุ่มน้ำดื่ม. สำหรับน้ำดื่มต้องนำมาต้มให้สุกทุกครั้ง เมื่อเย็นแล้วจึงกรอกใส่ขวดเอาไว้ดื่ม
การที่พวกเราลูกๆ ได้ดื่มน้ำต้มสุกมาเป็นเวลานาน ทำให้พวกเราพี่น้องแข็งแรง ไม่ค่อยล้มป่วยถึงเข้าโรงพยาบาล เพราะโรคภัยไข้เจ็บ
น่าสนใจจริงๆครับบ้านของอาจารย์ ผมว่ามันเป็นบ้านในฝันของคนหลายๆคนที่อยากจะมีบ้านอยู่ริมน้ำ (ทดสอบการทำงานว่ามาอบรมแล้วทำได้ไหม)
อยากมีบ้านอยู่ริมน้ำเหมือนอาจารย์จัง แต่คิดไปแล้วปัจจุบันคงไม่ได้เพราะน้ำเน่าเสียมากเลยคะ