ผมหัดว่ายน้ำเมื่ออายุประมาณ ๑๐ ขวบ หัดว่ายในคลองท่ายาง ซึ่งอยู่ห่างบ้านประมาณครึ่งกิโล พ่อเอามะพร้าวแห้ง ๒ ลูกผูกติดกันเป็นทุ่นลอย เอามาคล้องที่หน้าอก ให้หัดกระทุ่มน้ำด้วยขาและพุ้ยน้ำด้วยมือ พอคุ้นหน่อยก็ให้ใช้มือเกาะลูกมะพร้าว แล้วใช้เท้ากระทุ่มน้ำ จนเริ่มลอยตัวได้ พ่อบอกว่า "ไม่จมน้ำตาย" แล้ว ใช้ได้
แต่ผมก็ว่ายน้ำไม่แข็งมาจนบัดนี้ คิดว่าส่วนหนึ่งเพราะผมว่ายน้ำด้วยวัตถุประสงค์ให้ว่ายน้ำเป็น ไม่ได้มีโอกาสสนุกกับการว่ายน้ำ หรือกระโดดน้ำเล่น แม่ผมไม่อนุญาตให้เล่นในน้ำลึก เกรงอันตราย ดังนั้นการว่ายน้ำของผมจึงไม่เจือธาตุเล่น ธาตุสนุกอยู่เลย เป็นการว่ายอย่างเป็นงานเป็นการทั้งหมด ด้วยเหตุนี้แหละ ผมจึงว่ายน้ำไม่แข็ง นิทานเรื่องนี้สอนว่า จะทำอะไรให้เก่ง ต้องทำให้สนุก
พอโตขึ้น ก็เดือดร้อนใจว่าในวิชาลูกเสือ มีวิชาว่ายน้ำด้วย เขาระบุว่าต้องว่ายได้รวดเดียว ๑๐๐ เมตรโดนเท้าไม่แตะดิน ผมก็ไปซ้อมที่คลอง ซ้อมเท่าไรก็ไม่คิดว่าว่ายได้รวดเดียว ๑๐๐ เมตร วิชาลูกเสือที่ผมกังวลใจมีอยู่ ๒ วิชา คือว่ายน้ำ กับขึ้นต้นไม้ พอถึงตอนจะสอบโชคดีที่ครูพาไปเรียนวิชาพักแรมที่ริมทะเล และสอบวิชาว่ายน้ำเสียเลย โดยว่ายในทะเล เพื่อนบอกว่า ไอ้จาน มึงโชคดีจริงๆ ว่ายในทำเลน้ำทะเลมันช่วยให้ตัวลอย ว่ายง่าย เอาเข้าจริงผมก็ว่ายได้ไม่ถึง ๑๐๐ เมตรหรอกครับ แต่ตอนนั้นครูกำลังอารมณ์ดี และเพื่อนๆ ช่วยกันเชียร์ว่าผ่านๆ ผมก็เลยผ่าน ได้เป็นลูกเสือเอก
ตอนไปดูลูกๆ หัดว่ายน้ำตอนเขาอายุสัก ๓ - ๔ ขวบ โดยมีครูว่ายน้ำที่ มอ. หาดใหญ่ สอนอย่างถูกหลักวิชา จึงรู้ว่าตนเองว่ายน้ำ สไตล์ลูกหมาตกน้ำ คือพยายามชูคอให้อยู่เหนือน้ำ เป็นท่าของคนกลัวจมน้ำตาย นักว่ายน้ำเขาว่ายท่ากลั้นใจในน้ำและหายใจเมื่อจมูกพลิกขึ้นมาเหนือน้ำ ผมไม่ได้รับการฝึกมาอย่างนั้น หรือจริงๆ แล้วการฝึกว่ายน้ำของผมคือฝึกการลอยตัว ไม่จมน้ำโดยการใช้ขา ใช้มือ และทำตัวให้ลอย ไม่ใช่ฝึกว่ายน้ำอย่างถูกวิธี
การหัดว่ายน้ำให้ไม่จมน้ำตาย ไม่ได้หัดว่ายน้ำเพื่อความสนุกบันเทิงจากการว่ายน้ำ มันมีผลต่อชีวิตถึงเพียงนี้
วิจารณ์ พานิช
๖ มค. ๕๐
รู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องนั้นไม่พอดีเลยนะคะอาจารย์...กะปุ๋มน่ะพยายามหัดว่ายท่าลูกหมาตกน้ำ...หัดมาตั้งแต่เด็ก..จนถึงทุกวันนี้ก็ยังทำไม่ได้...อยากว่ายแบบท่าชูคอค่ะ...เพราะดูท่าจะไม่เหนื่อยเวลาที่เราไปว่ายน้ำในคลองหรือแม่น้ำค่ะ...
ทุกวันนี้เวลาลงสระก็พยายามค่ะ..แต่ดูท่าดำน้ำลงไปใต้สระจะง่ายกว่าว่ายท่าลูกหมาตกน้ำค่ะ...เพราะชูคอเมื่อไหร่กะปุ๋มจมทุกครั้งเลยค่ะ...
ตอนนี้ว่ายประจำสามท่าสลับกัน...ฟรีสไตล์ กรรเชียง และถนัดกบ...สักพักก็พยายามฝึกดำน้ำค่ะ...แต่ท่าลูกหมาตกน้ำนี่ถอดใจแล้วค่ะ...ส่วนท่าผีเสื้อได้แต่ท่าดักแด้ค่ะ
(^_____^)
ตามรอยท่าน beeman มาร่วมแจมค่ะ
กะปุ๋ม
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะว่า "จะทำอะไรให้เก่ง ต้องทำให้สนุก" แต่ก็ต้องขอเพิ่มเติมอีกนิดนึงว่า "การจะเรียนอะไรให้ได้ดี ต้องเรียนโดยไม่มีความกลัว" เพราะถ้าใจยังคงกลัวในสิ่งที่กำลังเรียน นานแค่ไหนก็ไม่เป็นอยู่ดี ^^
คุณแม่เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ให้หมอดู ผูกดวง ดูดวงลูกๆนั้น ตัวหนูเองมีชะตาว่า มีภัยทางน้ำ ให้ระวังน้ำ แล้วก็จริงนะคะอาจารย์ ตอนที่อายุราวๆ 6-7 ขวบ เกือบจบน้ำตายไปครั้งหนึ่ง เพราะลงไปเล่นน้ำในคลองข้างบ้านคุณตา (ทั้งๆที่คุณตาก็ยืนดูแลอยู่ข้างๆ) แต่ตอนนั้นเห็นเพื่อนๆเขาจมน้ำกัน เลยอยากดำมั่ง แต่ปรากฏว่า ดำแล้วมันผุดไม่ขึ้นน่ะค่ะ... หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา มันเลยฝังใจกลายเป็นโรคกลัวน้ำไปเลย ^^'
โตขึ้นมาก็อยากจะว่ายน้ำให้เป็นค่ะ เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เพื่อชวนไปเรียนว่ายน้ำ ที่สโมสร (จำชื่อไม่ได้แล้ว) ลงทุนจ้างครูเรียนอยู่หลายวันเลยค่ะ
แต่สุดท้าย เพื่อนว่ายเก่งกลายเป็นปลาเริงร่า ส่วนหนูไร้วาสนา เพราะความกลัวเลยเป็นได้แค่หอย ... หอยเกาะขอบสระ... ไงคะ ^__^'
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ที่เขียนเล่าให้ฟังมากมายนะคะ
^_____^