จอบกับสมอง: ยิ่งใช้ยิ่งคม


มีจอบที่ตั้งแต่ซื้อมายังไม่เคยใช้งานเลย จะมีร่องรอยของความคมบ้างตั้งแต่เดิมจากโรงงาน แต่ก็อาจโดนสนิมเกาะจนคมเว้าแหว่งไป หรือกินเนื้อเหล็กหายไปเป็นแถบๆ จะขุดอะไรไม่ค่อยเข้า อาจใช้โกยขยะ ตักขี้โคลนนั้น ก็พอได้

ตั้งแต่สมัยผมช่วยพ่อแม่ทำนา ทำสวน (สมัยนั้นยังไม่มีระบบ ทำไร่) ผมไม่เคยเห็นจอบที่ไม่คม ต้องนำมาลับ ด้วยหิน หรือด้วยตะไบ ก็แล้วแต่

  

เคยเห็นแต่จอบที่เหี้ยน (หน้าสั้น) ที่เกิดจากการใช้งานมานาน เพราะเราไม่มีเงินเหลือพอที่จะซื้อจอบมาวางทิ้ง ให้ขึ้นสนิมเล่นๆ มีแต่ได้ใช้งานเกือบทุกวัน บางทีก็บิ่นบ้าง เนื่องจากไปขุดเจอหิน หรือรากไม้แข็งๆ

  

แต่ไม่นาน รอยบิ่นก็จะค่อยๆหายไปกับการใช้งาน จนกลับมาคมอีกครั้งหนึ่ง โดยไม่ต้องลับอีกนั่นแหละ

  

นั่นเป็นระบบของจอบที่ใช้งานเป็นประจำ

  

แต่สมัยนี้ ผมกลับเห็นจอบที่ไม่ได้ใช้งาน เก็บไว้เฉยๆ อยู่ทั่วไป แม้จะนำมาลับบ่อยๆ ก็ยังไม่ค่อยคมเท่าไหร่ และคมที่ลับนั้น ก็มักมีมุมที่ไม่ค่อยเหมาะกับการใช้งาน ขุดดิน หรือถากหญ้าไม่ค่อยเข้า แตกต่างจากจอบที่ใช้งานประจำ

  นอกจากนี้ ยังมีจอบที่ตั้งแต่ซื้อมายังไม่เคยใช้งานเลย จะมีร่องรอยของความคมบ้างตั้งแต่เดิมจากโรงงาน แต่ก็อาจโดนสนิมเกาะจนคมเว้าแหว่งไป หรือกินเนื้อเหล็กหายไปเป็นแถบๆ จะขุดอะไรไม่ค่อยเข้า อาจใช้โกยขยะ ตักขี้โคลนนั้น ก็พอได้  แต่จะขุดดินนั้นอย่าหวัง จะดีดกลับจนเจ็บมือนั่นแหละครับ  ลองมาดูเรื่องสมองที่ใช้กับไม่ใช้ ก็จะมีความเร็วและผลลัพธ์ในการคิดแตกต่างกัน  ผมเคยได้รับฟังมาว่า   

·        บางคนคิดเรื่องงานวิจัยไม่ค่อยออก ว่าควรจะทำเรื่องอะไร

 

·        แต่แม้คิดออกก็ไม่รู้ว่าเรื่องไหนสำคัญกว่าเรื่องไหน

 

·        แม้รู้ว่า เรื่องไหนสำคัญ ก็ยังไม่ทราบว่าจะใช้วิธีใดในการทำวิจัย

 

·        แม้จะทราบวิธี ก็ยังไม่ทราบว่าจะทำได้อย่างไร

 

·        แม้จะรู้ว่าทำได้อย่างไร ก็ไม่ทราบจะทำที่ไหนกับใครจึงจะได้ผลและเกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย ก็เลยทำให้เขียนโครงการวิจัยที่ดีและถูกต้องไม่ได้ 

 

·        แต่แม้จะเขียนได้ ก็ยังไม่ทราบว่าจะปรับตัวทำงานให้สอดคล้องกับแผนงานได้อย่างไร

 

o       ก็เลยทนหลับหูหลับตาทำแบบถูลู่ถูกังพอแล้วๆ ถ้าโชคดีเจอแหล่งทุนที่ไม่จริงจังมากก็รอดตัวไป แต่ถ้าแหล่งทุนที่เอาจริงละก็หนักแน่นอน

  

แต่บางคนก็นั่งคิดงานวิจัยได้เป็นร้อยๆเรื่องในเวลาอันสั้น เพียงแต่ไม่มีเวลาทำทุกเรื่อง ต้องเลือกเรื่องที่ทำได้ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดมาทำก่อน จึงมีโอกาสในการที่จะทำงานได้สำเร็จมากกว่า

  

ผมมีเพื่อนชาวออสเตรเลียท่านหนึ่งบ่นว่า เขาคิดงานมากเกินไป แค่คิดแวบเดียวต้องให้เวลาอีกตั้ง ๕ ปีจึงทำให้สำเร็จ เขาเลยพยายามไม่คิด เพราะแค่นี้ก็ทำไม่ค่อยไหวแล้ว

  

มันช่างแตกต่างเหลือเกินกับคนที่คิดไม่ออก คิดได้บ้าง ก็ไม่รู้จะไปหางบที่ไหนมาทำ ดูเหมือนจะมีปัญหาตั้งแต่เริ่มเลยละครับ

  ผมเคยคุยกับทางผู้ให้ทุน เขาบอกว่าเขาก็มีปัญหามากกับการหาโครงการวิจัยดีๆ เพื่อจะให้ทุน แต่นักวิจัยส่วนใหญ่ก็มีปัญหาว่า หาทุนวิจัยไม่ได้อย่างที่อยากจะทำวิจัย  

ลองมาจับเข่าคุยกันดีไหมครับ จะได้พบทางออกร่วมกัน

  

แต่ก่อนอื่นคงต้องฝึกลับสมอง ให้คมเหมือนจอบใช้งานเสียก่อนครับ ไม่งั้นขุดไปก็เหนื่อยเปล่า เจ็บมืออีกด้วย

 ผมว่าสมองกับจอบนั้นเหมือนกันมากๆเลย ยิ่งใช้ยิ่งคม เก็บไว้นานเป็นสนิม ผุทิ้งไปเปล่า  ชีวิตล่วงมาจนถึงบัดนี้แล้ว อย่าปล่อยให้ล่วงไปโดยปราศจากประโยชน์เลย เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้ สาธุ
หมายเลขบันทึก: 75019เขียนเมื่อ 29 มกราคม 2007 00:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 พฤษภาคม 2012 06:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
  • ถ้าพูดถึงการทำงานวิจัย  หว้าคงเหมือนกับจอมที่ทิ้งไว้เฉยๆ  ไม่เคยลับ ไม่เคยใช้  จนสนิมขึ้น
  • ต่อไปคงจะแวะเวียนมาที่นี่บ่อยๆ  จอบคงได้ลับและได้ใช้งานซะทีค่ะ
  • ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

เป็นบันทึกที่คมมากจริงๆ ค่ะ

เปรียบเทียบได้เห็นภาพพจน์ และเป็นรูปธรรมค่ะ

ชื่นชมอาจารย์ค่ะ

แม้จอบที่ทำด้วยเหล็กกล้าชั้นเยี่ยม แต่ถูกปล่อยไว้ให้ขึ้นสนิม ก็ไม่ต่างอะไรกับคน IQ สูง แต่ไม่รู้จักขวานขวายหาความรู้และประสบการณ์เข้าสู่ตัว

ขอบคุณครับที่มาใช้ประโยชน์ได้

หวังว่าจะเป็นแนวร่วมในการพัฒนาต่อไป

อยากให้ทุกคนใช้สมองในทางที่ดีครับ ถ้าใช้ในทางที่ไม่ดีอาจมีผลกระทบต่อคนอื่นได้ ใช้ให้ถูกกับงานเหมือนจอบนะครับจะได้ประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตนเองและส่วนรวม ขอบคุณครับ

ทำยังไงดีกล้าที่จะคิดแต่ไม่กล้าที่จะทำเพราะบ้างครั้งคิดว่าสิ่งที่จะทำมันอาจทำไม่มีประโยชน์เลย

คล้ายๆกันกับคนที่จะยิบใช้จอบน่ะแต่ไม่กล้าใช้กลัวจอบชำรุดเลยไม่กล้าใช้

คุณศศิวิมล อย่างนั้นเขาเรียกว่า เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อครับ
ข้าพเจ้าก็เป็นบุคคลหนึ่งที่ไม่กล้าคิดกล้าทำ บางครั้งความคิดเราสวนทางกับคนอื่น ทำให้เราไม่เข้าพวก กลายเป็นตัวประหลาด แต่เราพยายามคิดในหลาย ๆ ด้าน กับปัญหาที่เกิดขึ้นมา เมื่อมีปัญหาเราก็ต้องแก้ บางครั้งปัญหาเหล่านี้ก็คล้ายกับดินที่เราใช้ลับจอบที่มีอยู่แทนตะไบ ถ้ายิ่งใช้จอบมากเท่าไร มันก็ไม่หมดความคม แต่เมื่อใดที่ไม่ใช้ มันก็จะขึ้นสนิมค่ะ ข้าพเจ้าจะพยายามเปลี่ยนความคิด ที่กลัวอยู่ แม้จะมีความแตกต่าง แต่แตกต่างในทางที่ดี มีประโยชน์ ก็น่าจะดีนะค่ะ ถ้ามีแต่คนนั่งดูไม่คิด ประเทศก็คงจะพัฒนาลงนะค่ะ
  • มีมีดคม  เก็บไว้     ไม่หมั่นลับ
  • สนิมจับ  เขลอะได้ ในภายหลัง
  • ย่อมไม่คม สมใจ  ให้ระวัง
  • จะต้องนั่ง  ลับใหม่ ยามใช้การ

    พอจะเข้าท่าไหมครับ หากจะเทียบกับการใช้จอบและสมอง

จอบยิ่งใช่ยิ่งคม  เหมือนคนเราที่  คิด และทำ ก็เกิดการพัฒนา

ท่านสิงห์ป่าสักก็เป็นนักกลอนเหมือนกันหรือครับ วันหลังต้องจัดประกวด บล็อกกลอนละมั้งครับ แต่ผมสงสัยว่าครูนงก็อาจเป็นศรีปราชญ์กลับชาติมาเกิดได้ทันทีนะครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท