หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิชาโท การเงิน ในปี พ.ศ. 2541 ช่วงนั้นประเทศชาติยังประสบปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่ การหางานค่อยข้างจะยาก พี่ชายจึงแนะนำให้เรียนต่อ ทำให้ข้าพเจ้าจำเป็นต้องศึกษาความรู้ด้านภาษาอังกฤษ ในช่วงแรกคิดที่จะเรียนต่อสาขาการจัดการสารสนเทศ (MIS) ที่นิด้า จึงได้ไปซื้อหนังสือเตรียมสอบภาษาอังกฤษรวมทุกมหาวิทยาลัย รวมทั้ง Toefl หลังจากนั้นก็สอบเข้านิด้า
ไม่แน่ใจว่า สอบเข้านิด้า เดือนอะไรแล้ว แต่จำได้ว่า ปี พ.ศ. 2541
ปีนั้นแปลกมาก หลังจากไปสอบ ผลสอบภาษาอังกฤษประกาศผลผิดพลาด เป็นอันต้องยกเลิกผลสอบเดิม
อันนี้ เราก็รู้อยู่เนื่องจากเราทำข้อสอบภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ผลกลับออกมาว่า เราได้ 770 คะแนน ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่สูงมากสำหรับเรา
แต่ในที่สุดทางนิด้า ประกาศยกเลิกผลสอบที่แจ้งครั้งแรก ประกาศใหม่ครั้งที่ 2 ปรากฏว่าจาก 770 ลดเหนือ 470
อันนี้เป็นเรื่องแปลกที่เกิดขึ้น ผลสอบตรวจด้วยคอมพิวเตอร์ยังผิดพลาดได้เลย
เรื่องต่อมา ตอนนั้นไปสมัครสอบ ก.พ.ไว้ และพอดีเขามีให้ผู้ที่ได้รับเกียรตินิยม เขียนสมัครงานไว้ด้วย ปรากฏว่า วันหนึ่งมีเจ้าหน้าที่จาก ก.พ. โทรศัพท์มาที่บ้าน บอกว่า ให้ไปรายงานตัวเป็นนักวิชาการคอมพิวเตอร์ ในวันที่........ แต่ พอก่อนวันจะไปรายงานตัว กลับโทรศัพท์มาแจ้งว่า ไม่ต้องมารายงานตัวแล้ว พอดีทางคณะกรรมจัดประชุมกันว่าให้มีการสอบเป็นอย่างอื่น
หลังจากเรียนจบก็ได้ประสบกับสิ่งที่เกิดขึ้น บวกความไม่แน่นอน 2 ครั้งนี้ จึงทำให้ตัวเองทำใจไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างเพิ่งตกใจ เสียใจ หรือดีใจ ให้มีสติกับปัจจุบัน เพราะทุกอย่างมันไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
หลังจากนั้น ก็ได้ไปเป็นเพื่อนพี่สาว สมัครสอบเข้าเป็นครู วิทยาลัยพลศึกษา พอไปถึงที่สมัครทางคณะกรรมการผู้รับสมัครก็บอกว่าสาขาของน้อง สามารถสมัครได้ เป็นอันว่า วันนั้นเราต้องเปลี่ยนชุดกับพี่สาว เพราะเราใส่กางเกงไป แต่พอจะสมัครคนตรวจหลักฐานก็บอกว่าต้องใช้ใบทรานสคริปและหลักฐานตัวจริง ซึ่งเขาก็ใจดี แนะนำเราว่ายังมีเวลาอีก 2 วัน ให้เราเอาเอกสารตัวจริงมา เป็นอันว่า เราก็ได้สมัครสอบเพื่อทำงานครั้งแรก ณ ที่นี่ คือ วิทยาลัยพลศึกษา
จำได้ว่า วันที่เราไปรับปริญญาที่ หาดใหญ่ เป็นวันที่ประกาศผลสอบพอดี ด้วยความที่เราไม่คิดว่าเราจะสอบได้ เพราะวิชาทางด้านกฏหมาย และ ความเป็นครูนั้นเราไม่ได้เรียนมา พอกลับไปถึงกรุงเทพฯ เราก็โทรศัพท์ไปถามรุ่นพี่ที่ไปสอบด้วยกัน พี่เขาก็บอกว่า น้องมนต์สอบได้ ก็เป็นเรื่องให้ได้ยินดีกัน
ตอนนั้น เราไม่รู้จักวิทยาลัยพลศึกษาด้วยซ้ำไป นั่งรถขึ้นกรุงเทพฯ ก็ไม่เคยเห็นป้ายวิทยาลัยพลศึกษา แต่วันที่เราเดินทางกลับไปรับปริญญาครั้งนั้น เราเห็นป้ายวิทยาลัยพลศึกษา วิทยาเขตชุมพร
เข้าไปวิทยาลัยพลศึกษา จังหวัดชุมพร ครั้งแรก เราก็แปลกใจมาก ว่าทำไม วิทยาลัย มันถึงดูเล็กกว่า โรงเรียนมัธยมเสียอีก และบรรยากาศตอนนั้นมันดูเหมือนกันดารมากๆ เพราะถนนเป็นทางเล็กๆ ดินแดง พร้อมทั้งมีฝนตก จึงเป็นโคลน
แต่ตอนนี้วิทยาลัย ปรุงปรังไปมากแล้วค่ะ ตอนนี้ดูเหมือนว่า ที่นี่ เป็นสถานที่ที่น่าอยู่สำหรับตัวเอง อากาศดี ธรรมชาติร่มรื่น สงบดีค่ะ
ชีวิตหลังเรียนจบก็ไม่มีอะไรมาก ได้เรียนรู้การทำใจ สำหรับความไม่แน่นอนไว้แล้ว ก็เป็นเกราะอันหนึ่งที่ได้ใช้ในโอกาสหลังการทำงานค่ะ.
ไม่มีความเห็น