ความมุ่งหมายในชีวิตคือ...อยากเป็นบันได....


เป็นคำตอบที่อยากตอบคำถามคนอื่นในตอนเด็กๆ แต่ไม่เคยได้ตอบ

อ่านบันทึกคุณปวีณาที่เล่าเรื่องโรงเรียนสัตยาไสแล้ว อยากท้าวความถึงเรื่องเล่าที่ได้ยินจากท่านอ.ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยาในงานมหกรรมฯอีกครั้งค่ะ ท่านอาจารย์เล่าว่ามีเด็กที่โรงเรียนตอบคำถามที่ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรด้วยคำตอบว่า อยากเป็นบันได แล้วก็เลยต้องมีการอธิบายกันเพราะคนฟังไม่เข้าใจ ว่าที่อยากเป็นบันไดนั้นก็เพื่อให้คนอื่นได้ก้าวไปข้างหน้า ตัวเองเข้าใจความรู้สึกของเด็กคนนั้นเลยนะคะ รู้สึกด้วยว่าดีใจแทนที่เธอมีโอกาสได้พูด แล้วก็แอบหวังว่าเธอจะไม่ถูกผู้ใหญ่ที่คิดแทนเธอขัดขวาง แล้วไปผลักดันเธอให้เป็นคนอยู่บนบันไดเสียเองหากเธอไม่ต้องการจริงๆ

ที่ดีใจเพราะ ตัวเองก็คือคนหนึ่งที่เคยคิดเช่นนั้น แต่ไม่เคยกล้าบอกใคร เพราะบังเอิญเกิดมาเป็นคนเรียนเก่งมาตลอด ก็เลยโดนผลักดันให้เป็นคนปีนบันไดมาเสมอ หาโอกาสเป็นบันไดได้ยากมาก หาใครเข้าใจได้ยากเหลือเกินว่าเรามีศักยภาพในการปีนบันไดได้แต่เราไม่ได้อยากเป็นคนปีนอยู่บนบันได ก็เลยต้องไปตามแรงผลักดันเรื่อยๆมาโดยไม่ได้มีความมั่นใจในตัวเองพอที่จะยืนยันความต้องการของตัวเอง ต้องเรียกว่าทำได้แต่ไม่ได้เป็นสิ่งที่อยากทำ

 เมื่อเข้ามาใน GotoKnow จึงพบว่ามีคนอีกมากมายที่คิดเหมือนเรา โดยเฉพาะคุณ Handy คิดว่าท่านคือคนที่เป็นบันไดได้อย่างแท้จริงค่ะ สำหรับตัวเองเป็นครื่งๆกลางๆ คือโดนผลักให้ปีนบันไดไปจนถึงสุดยอด อยากจะกระโดดลงก็ทำไม่เป็น จะขึ้นต่อไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ ไม่ได้เก่งกาจพอจะทำได้ รวมทั้งไม่เคยต้องการมาเลยอยู่แล้ว จะกลับไปเป็นบันไดก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่เคยเข้มแข็งพอที่จะต้านกระแสรอบๆตัว เพราะไม่เคยมีใครรอบๆตัวมายืนยันว่า สิ่งที่ตัวเองคิดและต้องการนั้นถูกต้องแล้วและทำได้ไม่แปลกประหลาด แม้แต่จะพูดก็ยังไม่กล้าด้วยซ้ำ 

มีความรู้สึกว่าถ้าอยากเป็นบันได ก็ต้องปีนไปให้สุดๆเสียก่อน อย่างเช่นที่อ.ดร.อาจองทำมาแล้ว เมื่อถึงจุดนั้นจึงจะกลับมาบอกให้คนอื่นฟังได้ว่า ปีนไปจนสุดแล้วไปอยู่คนเดียวน่ะ ไม่มีประโยชน์มากเท่าไหร่หรอก เป็นบันไดให้คนอื่นๆขึ้นไปนั้นดีเสียกว่า แต่ก็เห็นได้ว่ากว่าอาจารย์จะพูดให้คนรับรู้ได้ ทำให้คนมองเห็นได้ ก็ใช้ความพยายามอย่างหนักหนามาเป็นสิบๆปี ชื่นชมอาจารย์มากจริงๆ 

เชื่อมั่นเลยว่ามีคนมากมายที่ต้องป่ายปีนบันไดไปตามกระแส เพราะใครๆก็บอกว่า เรียนเก่งต้องไปให้ถึงไหน ไปเป็นโน่นไปเป็นนี่ ทำไปทำมาก็เลยนึกถึงแต่ตัวเอง และหนทางก้าวหน้าของตัวเอง จนหลงลืมเพื่อนรอบๆตัวที่ไม่ได้เก่งในสิ่งที่ใครๆเขาสมมุติให้ แต่ก่อนคิดว่าความคิดนี้คงติดมากับตัว เราโชคดีที่มีเอง จึงทำให้เก่งได้แบบไม่มีใครเกลียด แต่เมื่อได้รับรู้ถึงการฝึกอบรมที่โรงเรียนสัตยาไสแล้ว ทำให้รู้ว่า นี่คือคุณธรรมที่ฝึกได้สร้างได้ ดีใจค่ะว่าสำนึกดีๆเข่นนี้จะได้คงอยู่กับเรา และได้รับการยืนยันว่าดี ทำได้ ทำเถิด คนเก่งไม่จำเป็นต้องอยู่แถวหน้าเสมอ เป็นบันไดให้คนอื่นที่อยากอยู่แถวหน้าก็ได้ ขอเพียงให้เลือกเป็นบันไดให้"คนดี"และช่วยกันเบี่ยงเบน"คนไม่ดี"ให้หันเหมาเป็นคนดีกันเถิด โลกนี้คงจะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ 

หมายเลขบันทึก: 74947เขียนเมื่อ 28 มกราคม 2007 13:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 17:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
คนเก่งไม่จำเป็นต้องอยู่แถวหน้าเสมอ เป็นบันไดให้คนอื่นที่อยากอยู่แถวหน้าก็ได้ ... เพียงแต่ว่า คนที่ไปอยู่แถวหน้านั้น ควรจะอยู่แถวหน้าหรือเปล่า ... ด้วยนะคะ
คำตอบที่ว่า    อยากเป็นบันได  น่าจะมีความหมายในใจของเด็ก  ที่พวกเราควรช่วยกันดูแล

ผมชอบแนวคิด การเป็นบันได ด้วยครับ

แต่เราจะต้องเป็น บันไดที่มั่นคง ด้วยนะครับ คนถึงจะกล้าปีน 

ก็ถ้าต้องปีนบันไดหรือข้ามบันไดไปแล้ว ก็เชื่อว่าพี่โอ๋คงปีนแบบพาคนอื่นปีนไปด้วย ถึงแม้จะไม่ได้เป็นบันไดอย่างน้อยก็เป็นผู้ชี้ทางให้ผู้อื่นขึ้นบันไดได้ (แต่ไม่รวมถึงบันไดที่สูงชันแบบว่าปีนขึ้นเขาลงห้วยอะไรทำนองนี้จริงๆนะคะ พี่โอ๋คงต้องให้ผู้อื่นพาไป หรือพาลจะไม่ยอมเหยียบขึ้นบันได้เลย :D )

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท