ความโง่ กับ คำพูด


การพูด การคิด การกระทำ ให้ทำแต่สิ่งดีๆ เพราะทุกอย่างของการกระทำนั้นมีผล (กฏแห่งกรรม) ดังนั้น ทุกครั้งที่จะพูด จะคิด จะทำ ต้องมีสติ พิจารณาให้รอบคอบก่อน

เราสรุปเป็นใจความได้ว่า   คำพูดใดที่ไม่ก่อประโยชน์ไม่ควรพูดคำพูดนั้น

เหตุส่วนใหญ่ของข้อคิดที่เราได้ในตอนนี้  มักมาจากคำพูด  ซึ่งเห็นได้ตามที่โบราณว่าไว้  ปลาหมอตายเพราะปาก     ซึ่งหากอยู่เฉยๆ  เรื่องราวต่างๆ ก็จะไม่เกิด     ดังคำกล่าวที่ว่า   พูดไปสองไพเบี้ย  นิ่งเสียตำลึงทอง

ขอสรุปคำที่ได้รับคำแนะนำมามีดังนี้


1. คำพูดประเภทที่พูดว่า  ทีหลังจะไม่ทำอย่างนี้แล้ว   จะไม่พูด  หากพูดแล้วไม่เกิดประโยชน์ (เฉพาะตัวเราเองเท่านั้น)    เพราะพูดมาหลายครั้งแล้ว  แต่ก็ยังทำไม่ได้สักที

2. คำพูดที่พูดว่า   ตัเองโง่  ก็ไม่ต้องพูด     เพราะตัวเองรู้ตัวเองอยู่ว่าเป็นอย่างไร  พูดไปก็ไม่เป็นประโยชน์

3. ถ้ามีคนกล่าวหาว่า เราโง่  หากเขาไม่ถาม  ก็ไม่ต้องไปโต้ตอบ   เพราะเขาไม่ได้ต้องการคำตอบ  ให้เราฟัง       แต่ถ้าเป็นคำถาม  เมื่อเขาถาม เราก็ต้องตอบคำถามนั้น

บางครั้งการตำหนิ  เขาตำหนิ คล้ายลักษณะคำถาม  ดังนั้นเราจะต้องพิจารณาก่อนว่า เขาตำหนิ หรือเขาต้องการถามเอาคำตอบ   โดยพิจารณาดูจากน้ำเสียง และ จำนวนครั้งในการถาม   หากกล่าว 2-3 ครั้ง แสดงว่า เขาต้องการคำตอบ 

การที่เขากล่าวหาว่า เราโง่   เป็นการตำหนิ   การตำหนินั้น  หากเขาใช้การกล่าว 1 ครั้ง   ให้เราพึงระลึกว่า เขาต้องการสอน  ให้ฟัง

ถ้ามีความโกรธเกิดขึ้น   ให้อดทน  (การพูด  คือ การไม่อดทน  เป็นความโง่)

แต่ถ้าเขาถาม ครั้งที่ 2 ที่ นั่นหมายถึงว่า  เขาต้องการคำตอบ

เช่น หากเขากล่าวว่า เราโอ้อวด (เป็นคำด่า / ตำหนิ)   นั่นคือเขาต้องการสอน  ให้เราฟัง      หากเขายั่วยุให้เราโกรธต่อ  ด้วยการกล่าวว่า   หน้าด้าน   อายไม่เป็น  ก็ให้เราใช้การกำหนดรู้  ว่าเราจะไม่โกรธ        หากเขาใช้การยั่วยุต่อ ด้วยการกล่าวว่า   ก็ยังไม่ตอบ     และหากเขาหาเรื่องต่อ  โดยถามว่า อายเป็นมั้ย?       ถึงตรงนี้ เราจะต้องมีสติพิจารณาดู   ถ้าถามเพียง 1 ครั้ง คือ เขาต้องการตำหนิ   ก็ให้ฟัง ไม่ต้องตอบ    แต่ถ้าเขาการถามย้ำ (ครั้งที่ 2-3)  นั่นคือถ้าเราไม่พูดก็จะหาเรื่องต่อ   ก็ให้เราตอบว่า
"อายเป็น"  
การอายเป็น  นั่นหมายถึงว่า  มีหิริ  (ความละอาย)   ซึ่งจะเป็นการลบล้างการโอ้อวดของเราได้   ว่าขณะนี้เราไม่ได้โออวดแล้ว  เพราะเราอายเป็น 

การพูด  การคิด  การกระทำ  ให้ทำแต่สิ่งดีๆ   เพราะทุกอย่างของการกระทำนั้นมีผล   (กฏแห่งกรรม)

ดังนั้น ทุกครั้งที่จะพูด
  จะคิด  จะทำ  ต้องมีสติ พิจารณาให้รอบคอบก่อน

การคิด มีผลกับตัวเราเอง  มีวงแคบหน่อย  เพราะยังไม่ส่งผลกระทบถึงผู้อื่น

แต่เมื่อไรที่กลายเป็นคำพูดขึ้นมา   จะส่งผลถึงผู้อื่นได้
อย่าอ้างว่า  พูดไปอย่างนั้นเอง   ไม่ได้คิดอะไร
เพราะที่จริงแล้ว  ทุกคำพูดที่เราพูดขึ้นมานั้นมาจากพื้นฐานของการคิด
เพียงแต่หากเราไม่ฝึกสติที่ดีพอเราอาจตามสติตนเองไม่ทัน 

4. ไม่พูดถึงเรื่องของผู้อื่น  ถ้าจำเป็นต้องพูดก็พูดถึงแต่เรื่องคนที่เกี่ยวข้องด้วยเฉพาะหน้า   ซึ่งถ้าให้ดีก็ควรพูดแต่เรื่องจิตใจ เรื่องทุกข์ของตัวเองเท่านั้น

5. จะไม่พูดอะไรที่จะทำให้ตัวเองไม่ดี   แม้ว่าจะบอกว่าพูดเล่นๆ ก็ตาม  เพราะทุกคำที่พูดไป  มันก็จะเป็นกรรม ที่อาจมีผลเป็นส่วนกำหนดชะตาชีวิตของเรา

ที่เขียนมานี้ เป็นเพียงข้อคิดสำหรับตัวผู้บันทึกเองเท่านั้น   เป็นข้อที่ผู้บันทึกต้องการปรับปรุงตนเอง   หากจะเป็นประโยชน์ในการให้แง่คิดต่อผู้อื่นบ้างก็ยินดี

คำสำคัญ (Tags): #ข้อคิด
หมายเลขบันทึก: 74928เขียนเมื่อ 28 มกราคม 2007 11:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)
จากที่อ่านมา คำพูดมีผลกระทบต่อคนพูดมาเลยนะคะ เพราะฉะนั้นจะพูดอะไรก็คิดให้ดีก่อน ไม่คงเป็นแบบปลาหมอ แน่เลยค่ะ 
เขียนประวัติได้น่าอ่านค่ะ คนเขียนก็สวยจังเลย ยินดีกับศิษย์เก่าลูกพระบิดาด้วยนะคะ

สวัสดีน้องสุธรา  และ

สวัสดีคุณหยกมณี นะคะ
ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ    และยินดีกับศิษย์เก่าลูกพระบิดา เช่นกันค่ะ

มนต์ก็ระลึกอยู่เสมอคะ 
"ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นกิจที่สอง   ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง แล้วลาภ ยศ สรรเสริญ จะเป็นของท่านเอง"  

และก็พยายามที่จะน้อมนำหลักคำสอนนี้มาใช้ในการดำรงชีวิตและหน้าที่การงานค่ะ  



  • มาทักทายลูกศิษย์อาจารย์ ดร. ธวัชชัยครับ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ แวะมาทักทาย

ประวัติส่วนตัวเขียน (หรือต้องใช้คำว่าพิมพ์)ได้ดีมากเลยค่ะ 

เข้าไปชมบล็อกมาด้วย...ทำบล็อกได้แจ่มมากๆค่ะ

สวัสดีค่ะ   อ.ขจิต   และคุณ อบาเช่

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
อยากให้มีอะไรที่มาสอน วัยรุ่นหรือกลุ่มคนที่สนใจในอินเตอร์เนท อย่างนี้ เพื่อ การนำไปใช้ เพราะว่าบางทีก็ไม่รู้เหมือนกัน นะว่า เราควรจะหาคำแนะนำจากที่ไหนถ้าเรา เกิด อยากจะรู้เรื่อง ทุก ๆ เรืองในชีวิตประจำวัน

สวัสดีค่ะ คุณ Eakiji   และก็ขอสวัสดีปีใหม่ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน

ยินดีและดีใจที่บทความที่ถ่ายทอดแง่คิดเล็กๆ น้อยๆ นี้เป็นประโยชน์แก่ท่านค่ะ

ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดา มันเป็นไปเช่นนั้นเอง ตามกฏของไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา)

ปีใหม่...ที่มาเยือนนี้  ก็ขอให้ตั้งใจทำความดีเพิ่มขึ้น
ประสบการณ์ปีเก่าถือเป็นบทเรียน บททดสอบให้เราแกร่งขึ้น   สิ่งไหนดีแล้ว ก็ทำให้ดียิ่งขึ้น สิ่งไหนยังบกพร่อง ก็ปรับปรุงใหม่  สิ่งในผิดพลาดก็แก้ไข

ให้ระลึกไว้เสมอว่า "กรรมทุกอย่างมีผล อย่านึกว่ากรรมนี้เล็กน้อยแล้วจะไม่ให้ผล  หรือ ค่อยทำความดีลบล้างความชั่ว  มันไม่ใช่ และไม่ได้"  ดังนั้น  ทุกก้าวย่างของชีวิต   ให้มีความระมัดระวัง  อย่าได้ประมาทกับการใช้ชีวิตนะคะ

"คิดดี  พูดดี  ทำดี ด้วยใจที่บริสุทธิ์  ฝึกอบรมตนอยู่เสมอนะคะ"

ตอนนี้,  ผมกำลังฝึกตนเองให้พูดน้อยลง แต่ฟังให้มากขึ้น  เพราะที่ผ่านมา  เราค่อนข้างเป็นฝ่ายพูดเสียมากกว่า ...

และที่สำคัญ,  หากต้องโทษตัวเองด้วยคำพูดใด ๆ  ผมก็ไม่ลืมที่จะให้อภัยกับตนเอง  เพื่อให้ตนเองได้กลับมาสู่ปัจจุบันในเร็ววัน  และแก้ไขอดีตนั้นจากปัจจุบันนั่นเอง

ขอบคุณครับ

 

สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณแผ่นดิน :)

ขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ

ดิฉันประทับใจข้อคิดจากในหลวงที่กล่าวว่า

"รู้จักฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆ เท่านั้น"

โดนเอาเปรียบ แต่ยังเฉย เรียกว่าโง่รึเปล่า

"โดนเอาเปรียบ แต่ยังเฉย เรียกว่าโง่รึเปล่า"

โง่ หรือเปล่า.?    โง่ หรือ ไม่โง่  คงจะไม่ได้ตัดสินกันตรง..ความเสียเปรียบ หรือ การนิ่งเฉย...

อันที่จริงแล้ว   การกระทำทุกอย่างนั้น จะมีผลเพียงใดนั้น ขึ้นกับเจตนาที่ตั้งไว้.

ทำไมเขาถึงกล่าวกันถึง...เรื่องกระบวนการคิด.
เรื่องเดียวกันที่เกิดกับคนคนหนึ่ง.... บางคนคิดให้เป็นปัญหา (ทุกข์)  แต่บางคนสามารถคิดให้เกิดปัญญา (สุข)

ผู้ใดสามารถพลิกผันปัญหา ให้เกิดเป็นปัญญา.  พลิกผันความทุกข์ให้กลายเป็นสุขได้ โดยการรู้ทุกข์ ด้วยการมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมได้นั้น  ผู้นั้นได้ชื่อว่า มีปัญญา คือ ไม่โง่ จ้ะ.

เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ.

มีประโยชน์ให้แง่คิดดีมากคะ

บางบันทึกมีแต่เรื่องเบาๆๆๆๆๆๆ
แต่ทำไมคนเข้าไปอ่านกันคะ ติดชื่อกันหรือเปล่าคะ

ขอบคุณทุกความคิดเห็น และ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะค ยินดีที่คุณลิลลี่เห็นและได้รับประโยชน์จากเรื่องราวเหล่านี้นะคะ :-)

ผู้ที่สามารถมองเห็นประโยชน์จากสิ่งธรรมดาได้นั้น  ผู้นั้นเป็นผู้มีปัญญา    เพราะ  "ปัญญาย่อมเกิดแก่ผู้ที่พิจารณา."  ค่ะ.

ขอให้มีความสุขและสนุกกับชีวิตและการงานนะคะ.

บางบันทึกมีแต่เรื่องเบาๆๆๆๆๆๆ
แต่ทำไมคนเข้าไปอ่านกันคะ ติดชื่อกันหรือเปล่าคะ

"แต่ละคนเลือกทำในสิ่งที่ตนเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ตน  จุดมุ่งหมายแต่ละคนจึงต่างกัน  อันนี้เป็นธรรมดา"

สำหรับคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน  จะมาเจอกัน  แม้ว่าเรื่องๆ นั้น ดูจะไม่สำคัญ สำหรับคนที่ไม่สนใจค่ะ.

ดีใจค่ะที่ได้มาเจอคนที่สนใจอะไรคล้ายกัน.
ขอบคุณนะคะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท