.. ช่วงวันจันทร์ ถึง ศุกร์ ..ตอนเย็นเวลาประมาณ 18.30 น – 19.30 น. เป็นช่วงเวลาที่ผมไม่ค่อยได้ออกไปไหนครับ อยู่ที่บ้านก็เลยมีโอกาสดู ทีวี...ไม่ใช่ดูรายการเด่นดีอะไรหรอกครับ ก็ดูละครนั่นแหละ ผมดูที่ช่อง 7 สี ครับ เรื่อง “วัยอลเวง” ตอนแรกๆก็ดูเพราะว่า หลานนั่งดูอยู่ครับ และ หน้าจอบอกว่าต้องให้คำแนะนำกับเด็กที่ดูด้วย ผมก็เลยนั่งดูกับหลานไปด้วย ดูไปก็คุยกับหลานไป พยายามให้เขาเข้าใจถึงเนื้อหาสาระที่นักแสดงถ่ายทอดออกมา..แต่พอดูๆไป ผมชักไม่แน่ใจว่าต้องแนะนำหลานหรือแนะนำตัวเองดี..
ละครเรื่อง “วัยอลเวง” เป็นเรื่องที่สื่อถึงชีวิตความเป็นอยู่ของวัยรุ่นกับพ่อแม่ ที่มีความแตกต่างกัน ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกัน แล้วต่างก็ไปมีครอบครัวใหม่ และไม่มีเวลาให้กับลูก ให้แต่เงิน จึงทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัย บวก กับครอบครัวที่แตกแยก พ่อไปทาง แม่ไปทาง จึงทำให้พระเอก (ชื่อธนัย แสดง โดย เขตต์ ฐานทัพ) ขาดความอบอุ่นในครอบครัว ถูกทอดทิ้งให้อยู่อ้างว้างเดียวดาย ทำให้เกิดความเครียดแค้นแม่ สะสมมาตั้งแต่เด็ก แล้วมาเจอกับครอบครัวใหม่ของพ่อ ที่มีน้องขึ้นมาอีก ก็อยากแก้แค้นเลยล้างผลาญเงินขิงพ่อที่มีให้ใช้อย่างเต็มที่ พอมาเจอกับครอบครัวของนางเอก (ชื่อธาริน แสดงโดย น้องบี มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์) ที่เป็นครอบครัวอีกชนชั้นหนึ่ง แม่หาเช้ากินค่ำ ขายข้าวแกงต่อสู้กับชีวิต ส่งลูกเรียนในระดับมหาวิทยาลัย แต่เป็นครอบครัวที่รักกันจริง มีความเข้าอกเข้าใจกันดี อยู่กันอย่างอบอุ่น ทำให้พระเอก เกิดความรู้สึกดีๆ อยากมีความรักความอบอุ่นจากครอบครัวบ้าง ...เป็นเรื่องโดยย่อครับ
จากการดูละครเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงสภาพของสังคมไทยครับ ที่มีปัญหามากมาย พ่อแม่ก็เอาแต่ทำงาน เลี้ยงลูกด้วยเงิน คิดว่าให้เงินไปแล้วลูกจะมีความสุข บังคับให้ลูกทำอย่างที่ตนเองต้องการโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของลูก พออะไรนิดหน่อยก็เอะอะโวยวาย ว่าลูกไม่รักดีบ้าง...อย่างเช่นตอนหนึ่งในละครเรื่องนี้...พ่อของพระเอกบังคับให้พระเอกหมั้น กับ นางร้าย ในเรื่อง แต่พระเอก ไม่ได้รัก จึงเกิดการถกเถียงกับพ่อ และพ่อบอกว่าถ้าไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ก็ตัดลูกตัดพ่อกัน พระเอกจึงหนีออกจากบ้านไป..พร้อมกับไม่ไปเรียน..จนในที่สุดก็ไปอยู่บ้านนางเอก..ส่วนพ่อก็เอาแต่โมโหโทษแต่นางเอกว่าเป็นคนที่ทำให้ลูกตนเอง เสียคน..พร้อมกับให้แม่เลี้ยงของพระเอก เอาเงินไปจ้างนางเอกให้เลิกกับลูกชายของตนเอง..หวังจะให้ลูกชายของตนเองกลับบ้าน ..นางเอกไม่ยอมรับเงิน.. แต่ก็ช่วยออกอุบายให้พระเอกกลับไปบ้าน..แต่พระเอกก็ไม่ยอมกลับ เพราะเบื่อพ่อ..
เห็นมั๊ยครับ พ่อ แม่ มัวแต่โทษคนอื่นๆ จนหน้ามืดตามัว หารู้ไม่ว่าการที่ลูกหนีออกจากบ้านก็เพราะว่า “บ้านนั้น มันไม่น่าอยู่ต่างหาก” ...อย่างที่ผมบอกไว้ตั้งแต่แรกว่าพอดูๆไปแล้ว ก็ต้องกลับมาดูตนเองเหมือนกัน ว่าเราทำบรรยากาศให้บ้านหน้าอยู่สำหรับลูกๆแล้วหรือยัง เราได้ให้ความรักความอบอุ่นกับลูกพอที่จะให้ลูกรัก และเทิดทูลเรา หรือยัง..
ลองๆดูนะครับ ละครเรื่องนี้นอกจากจะดูเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน แล้วยังสะท้อนถึงชีวิตจริงสำหรับครอบครัวที่มีปัญหาลูกขาดความอบอุ่น อีกด้วย..แล้วก็ ดูละครอย่ามัวแต่สอนเด็ก..ลองมองย้อนดูตัวเราบ้าง จะได้สมดุล เกิดความอบอุ่นทั้งครอบครัว...