การทำงานโดยทั่วไปนั้น เราจะเน้นทั้ง
โดยหลักการทำงานที่ดีแล้ว ทั้ง ๓ อย่างนี้ควรจะสอดคล้องกัน และเป็นเรื่องเดียวกัน ที่ถือว่าเป็นผลงานที่เป็นปกติ และจะไม่มีเรื่องที่จะมานำเสนอ ณ ที่นี้
แต่ปรากฏว่า การทำงานที่ผ่านมา บางครั้งจะมีการประเมินหรือพิจารณาแบบแยกส่วน ที่อาจประเมินเฉพาะ “ประสิทธิภาพ” ที่ประเมินผลงานเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของการทำงาน ที่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย
เช่น เวลาหรืองบประมาณที่ใช้กับรายงานที่ทำได้ เป็นต้น และคนที่ทำรายงานหรือตีพิมพ์ได้เร็ว ก็อาจถือว่ามีประสิทธิภาพสูง โดยไม่จำเป็นต้องทำให้ได้ผลงานอะไร
หรือการทำงานที่ได้ผลลัพธ์ในการทำงานสูง ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็อาจไม่จำเป็นต้องสร้างผลกระทบใดๆ
เช่น การพยายามผลิตผลงานวิจัยให้สามารถจดสิทธิบัตรได้ โดยการดัดแปลงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่ได้มีความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จริงๆ ก็ถือเป็นงานที่มีประสิทธิผล แต่ก็ไม่ได้เกิดผลใดๆในทางปฏิบัติ เรียกว่าไม่เกิด “ผลกระทบ” ในการพัฒนา
แต่ก็มีงานจำนวนมาก ที่สามารถสร้างผลกระทบทั้งในเชิงการเปลี่ยนแปลงทางความคิด การกระทำ การใช้ประโยชน์ และผลที่เกิดขึ้นจริงในทางทรัพยากรธรรมชาติ ระบบสังคม และเศรษฐกิจ ที่ควรแก่การยกย่อง
ถ้าเรามาเน้นการใช้ประเด็นสุดท้าย "ผลกระทบ" นี้ เป็นแกนนำในการประเมิน เราก็จะสามารถแก้ปัญหา ประสิทธิผล และประสิทธิภาพได้โดยอัตโนมัติ
แต่ถ้าเรายังประเมินกันแบบฉาบฉวย แค่ประสิทธิภาพ หรืออย่างมากก็มีประสิทธิผลร่วมด้วย เราก็จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาความ “ไม่คุ้มค่า” ของการทำงาน เพื่อการพัฒนาด้านต่างๆได้
ลองพิจารณาดูนะครับว่า แต่ละงานเราอยู่ในระดับหรือขั้นตอนไหน เผื่อจะได้ช่วยกันแก้ไขปรับปรุงให้ดียิ่งๆขึ้นไปครับ
ขอบคุณมากครับ
ตอนนี้เรามาเน้นการประเมินแบบแยกส่วนจนทำให้เกิดผลเสียหายครับ
และที่เสียหายมากก็คือ ไม่เน้นเป้าหมายงาน มองแต่กระบวนการทำงานครับ
ไม่ทราบเมื่อไหร่จะเปลี่ยนความคิดกันบ้าง
ในบางสถานการณ์เราก้ต้องเราก็ต้องมีการประเมินประสิทธฺถาพของการทำงาน โดยลืมนึกถึงเป้าหมายการทำงาน จากที่อ่านแล้วเข้าใจว่าถ้าเป้าหมายงานวางแผนดีการทำงานก็จะมีประสิทธิถาพดี แล้วถ้ามีการเน้นเป้าหมายการทำงานที่ดีแล้ว ผลกระทบตอบรับเป็นไปในทางที่ไม่ดีก็แสดงว่าเราทำงานไม่สอดคล้องกันหรือไม่บรูณาการ
การวางแผนการทำงานที่ดีงานก็จะมีประสิทธิภาพดี
นั่นหมายถึงการวางแผนที่ครอบคลุม(บรูณาการ)