นิทานอีกเรื่องหนึ่งครับที่ผมได้ฟังมาจากท่าน ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เหมือนกันเห็นว่ามีสาระดีเลยนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ
ลองมาฟังเรื่อง "บัณฑิตหนุ่มกับความรู้ที่เรียนรู้มานั้นสามารถนำมาใช้ในชีวิต เพื่อความอยู่รอดได้จริงหรือเปล่า บัณฑิตหนุ่มนั่งบนเรือกลับบ้าน ชวนคนเรือคุย ว่าคิดอย่างไรกับคนอิรัก คนเรือไม่รู้ ก็เลยบอกว่า คนเรือสูญเสียไป 25% คิดอย่างไรกับภาคใต้ที่มีปัญหาความขัดแย้ง วางระเบิดกันรายวันคนเรือก็ไม่ทราบ บัณฑิตบอกว่า คนเรือสูญเสียไปอีก 25% ถามคนเรือถึงเศรษฐกิจยุคนายกทักษิณ คนเรือก็ตอบไม่รู้อีก ถามถึงตลาดหุ้นก็ตอบไม่รู้ แถมยังถามกลับมาอีกว่าตลาดหุ้นเขาขายอะไรกัน ที่เห็นก็มีตลาดขายปลา บัณฑิตก็บอกว่าคนเรือสูญเสียไปอีก 25% ทันใดนั้นพายุมา คนเรือเลยถามบัณฑิตว่า ท่านว่ายน้ำเป็นหรือเปล่า บัญฑิตบอกว่าไม่มีเวลาไปเรียน คนเรือบอกว่า เรือต้องแตกแน่ๆ เพราะพายุมาเรือจะจมทางรอดคือจะต้องว่ายน้ำเป็น ว่ายเข้าหาฝั่ง ชีวิตของคุณกำลังจะสูญเสีย 100% บัณฑิตหนุ่มได้ฟังเช่นนั้นถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก"
บัณฑิตสมัยใหม่ กระโดดตึกตาย มีความรู้มากๆ แต่เกิดปัญหานิดเดียว ก็ฆ่าตัวตาย คนเราต้องรู้จักตัวเอง นักปราชญ์ถาม เราตอบไม่ได้ เราคือใคร เกิดมาทำไม แล้วจะไปไหนกัน เราไม่รู้ทิศทางของชีวิต เรามีปัญหาแน่ๆ คนเราเก่ง 2 อย่าง คือ 1. เก่งวิชาชีพ หาเลี้ยงชีพ เพื่อบริษัทสร้างชื่อเสียงให้บริษัท และชาติ2. เก่งเชี่ยวชาญสร้างความสงบสุขให้ตัวเอง เอาตัวรอด
คนสมัยนี้มักจะหาความรู้แต่ทางด้านวิชาการ พอมีประกาศนียบัตร หรือใบปริญญาเข้าหน่อยก็มักคิดว่าตนเองนั้นเก่งกว่าคนอื่น แต่หารู้ไม่ว่า การที่จะเอาตัวรอดได้นั้น ต้องรู้จัก วิชาการดำเนินชีวิต...คนเก่งหรือไม่เก่งคงไม่ใช่วัดที่ระดับการศึกษาเพียงอย่างเดียว....
สวัสดีค่ะ คุณ ภูคา
ขอบคุณค่ะ นิทานที่ดี วันนี้นักเรียนต้องได้ฟังค่ะ
ขอบคุณครับ..