จากที่เราได้ยินข่าวกันมาบ่อยๆครับ เกิดพายุที่นั่น ที่นี่ เกิดคลื่นสึนามิที่นั่น สูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน หรือสูญเสียคนที่รัก ที่รู้จัก ความเสียหายที่เกิดจากธรรมชาติ ที่ธรรมชาติพยายามปรับตัวเพื่อรักษาความสมดุลย์เอาไว้ คนเราก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเร่งระบบให้วิ่งไปทางใดทางหนึ่งเร็วขึ้นเสมอ ปกติแล้วปัญหาที่เกิดจากธรรมชาติด้วยการส่งผลลัพธ์กลับมายังระบบ ตามกฏของ Action = Reaction ของนิวตันนั้นเป็นจริงเสมอ ซึ่งแท้จริงแล้วกฏทั้งสามข้อของนิวตัน ล้วนเป็นความจริงเสมอ และใช้ได้เสมอ และใช้ได้กับพุทธศาสนาหรือศาสนาอื่นๆ ได้เช่นกัน และเป็นบทเรียนที่เราเห็นอยู่ในโลกปัจจุบัน
ข้อที่หนึ่ง หากสิ่งนั้นไม่มีปัจจัยภายในหรือภายนอกไปกระทำ สิ่งนั้นก็จะเป็นสิ่งนั้น ยังคงที่อย่างนั้นตลอดไป เป็นอย่างไรมาก็เป็นอย่างนั้นไป
ข้อที่สอง หากสิ่งนั้นโดนกระทำจากปัจจัยภายในหรือภายนอก สิ่งนั้นย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงเสมอไม่มากก็น้อย
ข้อที่สาม หากสิ่งนั้นกระทำกับสิ่งอื่นใด สิ่งนั้นก็จะได้รับผลการตอบสนองตามลักษณะปัจจัยจากสิ่งอื่นใด เช่นกันเพื่อสร้างสมดุลย์ใหม่
กฏสามข้อนี้อิงตามหลักการของนิวตัน ที่ได้คิดไว้
โลกเราก็เช่นกัน หากเราเอาไปประยุกต์เพื่ออธิบายกับกฏสามข้อนั้น แต่ความจริงคือโลกเราเจอกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเสมอๆ ดังนั้นกฏข้อสองและสามย่อมมีบทบาทต่อโลกใบนี้มาก
การแก้ปัญหาอย่างหนึ่งเพื่อลดปัญหา ทำได้ด้วยการ "อยู่อย่างเข้าใจธรรมชาติ โดยให้และรับอย่างสมดุลย์ ต่อระบบนิเวศน์" ไม่เอาเปรียบธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมจนมากเกินไป
เราเองก็สัมผัสกับธรรมชาติมาตั้งแต่แรกเริ่มเกิด เรียนรู้ความผิดพลาด เดินถูกบ้าง ผิดบ้าง เดินผิดก็ได้ประสบการณ์ในการเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติ ตัวเราก็ธรรมชาติเช่นกัน
เหตุการณ์หลายๆ อย่างที่คนสร้างขึ้นเอง โดยไม่ทันคิด หรือคิดไม่ทัน หรือคิดสั้นไป หรือเพราะขาดความเข้าใจธรรมชาติ ก็จะส่งผลกลับมาหาตัวเราเสมอ แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวเราโดยตรงแต่ก็จะยังส่งผลมาถึงเราอยู่ดี เหตุการณ์จากธรรมชาติที่ส่งผลลัพธ์มาให้เราได้รับรู้กัน เราแก้ไขไม่ได้ทั้งหมด หากเกิดหนัก บางอย่างก็ได้แต่เตือนภัยกันเท่านั้น เพื่อลดความเสียหาย ไหนโลกเราจะต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ได้รับผลมาจาก ระบบจักรวาลแล้วไม่พอ ยังได้รับผลการดูดสูบจากผู้อาศัยบนพื้นผิวอีก ดังนั้นหากเราอยู่กันแค่เพื่อสูบ โดยไม่มีการฉีดสิ่งดีๆ ให้เกื้อกูลแล้วนั้น เราก็จะนำระบบไปสู่จุดหมายได้เร็วขึ้น
คนเรา มีพื้นฐาน จากปัจจัยสี่ ถามว่าปัจจัยสี่แต่ละตัวนั้น มาจากอะไร มาจากธาตุอะไรบ้าง คำตอบก็คงหนีไม่พ้นธาตุทั้งสี่ประกอบกัน หากเป็นคนก็อาจจะมีธาตุอีกตัวเพิ่มเข้าไป นั่นคือ ธาตุใจ ที่เข้าไปควบคุมการทำงาน หากธาตุใจดี เข้าใจ ต่อสิ่งแวดล้อม เราจะเข้าใจธาตุทั้งสี่เหล่านั้น ที่ประกอบเป็นอย่างอื่น หมุนเวียนเปลี่ยนผันไปตามกาลเวลา
หากวันหนึ่งธาตุใจดีและเจริญในใจคน ธาตุใจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการช่วยยืดชีวิตให้โลกอยู่ต่อไปอีกได้ อย่างน้อยก็ลดการสูบดูด หรือ สูบฉีดให้อยู่ในภาวะสมดุลย์
ผมมีตัวอย่าง ผลกระทบที่ได้ศึกษากันอยู่ตอนนี้คือ ลมฟ้าอากาศ น้ำ คลื่นลมทะเล ลองเข้าไปดูได้ที่
เป็นงานที่ทำร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาไทย อยากให้คนในโลกใบนี้เข้าใจธรรมชาติมากขึ้น แหล่งอาหารของโลก คือต้นไม้ แต่หากมีแต่ต้นไม้ก็ไม่ได้ ต้องมีพลังงานแสง มาช่วยต้ม ต้นไม้ก็จะปรุงอาหารทำหน้าที่เป็นคนครัวของโลก คนเราก็เป็นได้แค่ลูกมือในการสร้างหรือเพิ่มหรือลดจำนวนคนครัวของโลก ผมอยากเห็นภาคอีสานของไทยและภาคอื่นๆ มีจำนวนคนทำครัวมากขึ้นจังครับ อย่างน้อยก็เวลาพายุพัดมาแต่ละครั้ง คนครัวหรือต้นไม้ก็จะช่วยดูดน้ำขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้ ส่วนหนึ่งก็ลงดิน ไหลไปยังที่ต่ำ ลดอัตราเสี่ยงอีกหลายๆ อย่าง หากมีคนไทยช่วยแบ่งเบาภาระคุณลุงสงัด หรือ ดาบตำรวจ วิจัย ที่ปลูกต้นไม้เยอะ ก็คงดีครับ
จงอยู่อย่างเข้าใจ เห็นอกเห็นใจธรรมชาตินะครับ แล้วสิ่งที่เข้าไปในร่างกายของเราจะมีแต่รอยยิ้ม กินรอยยิ้มเข้าไป แล้วหายใจรอยยิ้มออกมาเช่นกันครับ เข้าก็สุข ออกก็สุข ครับ
อิๆๆ เขียนไปมั่วๆ สดๆ ผิดๆ ถูกๆ ก็ขออภัยด้วยครับ
สมพร ช่วยอารีย์
สวัสดีค่ะ น้องชาย
เดือน พฤษภาคม วันที่ 25 พี่จะได้พบน้องเม้งไหม
คิดถึงจังเลย
สวัสดีครับพี่อ้อย
ท่าทางจะไปไม่ได้ครับ เพราะภารกิจยังไม่สำเร็จเลยครับ ตอนนี้อยู่เยอรมันครับ อยากเจอพี่อ้อยเหมือนกันครับ ฝากสวัสดีปีใหม่มหาสงกรานต์พี่ชายสมนึกด้วยนะครับผม สบายดีทุกคนนะครับ
รักษาสุขภาพครับผม