ทฤษฎีทางการวิจัย


นักศึกษาหลายท่านที่เรียน ป.โท คงกำลังคิดหนักว่าถ้าเราทำวิจัยเรื่องนี้จะใช้ทฤษฎีอะไรดีนะที่จะเหมาะ และถูกต้อง

จากการเรียนวันที่ 20 ม .ค. 2550 ที่ผ่านมาก็เพิ่งจะเข้าใจว่าเวลาเราทำวิจัย เราจะใช้ทฤษฎี อะไรดีนะ  เวลาอ่านวิจัยของท่านอื่นก็งงๆๆ จนบ้างครั้งก็ต้องถอยไปตั้งหลักใหม่ก่อน ไม่อย่างนั้นก็คงทอดใจเลิกเรียนไปหลายครั้งแล้ว

อ.ธนิดา ได้สอนให้เราตาสว่างและเห็นทางเดินที่เราควรจะก้าวเดินต่อไปเพื่อทำวิทยานพนธ์ที่มีคุณค่ายิ่ง ถ้าเราทำสำเร็จนะค่ะ จากการเรียนได้รู้ถึง 7 ทฤษฎี

      1. ทฤษฎีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ( Transtheorythical Model หรือ Stage of  Change )

       2. ทฤษฎีแรงจูงใจเพื่อป้องกันโรค ( The Protection Motivation Theory )

        3. แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ ( Health Belief Model )

        4. ความรู้ ทัศนคติ และการปฎิบัติ ( Knowledge Attiude Practice ( KAP) )

        5. การสนับสนุนทางสังคม ( Social Support )

        6. แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ ( Health Bellief Model )

        7. รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์ ( Pander 's Health Promotig Model )

        โดยการที่เราจะเข้าใจทฤษฎีได้ง่ายต้องจับประเด็นให้ได้ 3 ประการค่ะ

         1. key  person

         2. key Concept

         3. key Element

          คราวหน้าจะมาเล่าแต่ละทฤษฎีให้ฟังนะค่ะ เนื่องจากวันนี้ต้องไปแล้วค่ะ

คำสำคัญ (Tags): #สม.4
หมายเลขบันทึก: 74162เขียนเมื่อ 24 มกราคม 2007 14:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 16:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
สวัสดีค่ะ คุณ สม.4 เนื้อหาในปล็อกของคุณน่าสนใจมากเลยเด็กอนามัยจะรออ่านทฤษฏีการวิจัยนะคะ ยังไงก็ขอเชิญแวะเยี่ยมเด็กอนามัยด้วยนะคะ เป็นเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับสมุนไพรไทยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณมากค่ะคุณเด็กอนามัย ที่เข้ามาเยี่ยมชม รับรองค่ะว่าจะเข้าไปปล็อกของคุณแน่นอนค่ะ เนื่องจากมีความสนใจเรื่องสมุนไพรเหมือนกันค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท