ศึกษาศาสตร์ มน. ก้าวแรกของนิสิตสู่สังคมอุดมปัญญา ตอน KM ร้อยบาท


          เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๐ ณ ภาควิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มีนิสิตกลุ่มหนึ่งประมาณสิบกว่าคน รวมเงินกันคนละ ๑๐๐ บาท เพื่อเป็นทุนในการจัด KM Workshop นิสิตศึกษาศาสตร์ (ต้นแบบ) ในหัวปลา ความประทับใจในชีวิตมหาวิทยายาลัย โดยมีผมเป็นวิทยากรหลัก และทีมงานคุณอำนวย คุณลิขิต (ก็คนที่ออกตังค์กันเองนะแหละครับ) ที่ผมกล้าพูดได้ว่า ผมฝึกมากับมือ และงานนี้เป็นงานแรกของพวกเค้า

          เดิมทีในคณะศึกษาศาสตร์ก็มีคณาจารย์ที่เก่งด้านการจัดการความรู้หลายคนครับ เช่น อาจารย์เทียมจันทร์ อาจารย์รุจโรจน์ รวมถึงอาจารย์ท่านอื่นๆที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ทั้งการนำระบบการจัดการความรู้ไปใช้ในการเรียนการสอน อีกทั้งอาจารย์เทียมจันทร์ ยังเคยเปรยกับผมว่า อยากให้จัด KM นิสิตคณะศึกษาศาสตร์(ทั้งคณะ) และที่ขาดไม่ได้เลยนะครับก็คือ ท่านอาจารย์สุวัฒน์ วรานุสาสน์ อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนฯ ที่รับตำแหน่งที่ปรึกษาสภานิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของกิจกรรมสภานิสิต รวมถึงเบื้องหลัง กิจกรรม KM Workshop ทุกๆครั้งที่สภานิสิตจัดด้วย

 

          ครับการจัด KM Workshop แบบตามมีตามเกิดที่รวมเงินกันคนละ ๑๐๐ บาทนั้น มีหัวปลาคือ ความประทับใจในชีวิตมหาวิทยาลัย มีกลุ่มเป้าหมายเป็น เพื่อนๆเอกเทคโนฯปี ๓ ของผม และน้องๆ เอกคอมพิวเตอร์ศึกษา ปี ๒ ซึ่งผมอยากจะบอกทุกท่านให้ทราบนะครับว่า น้องเอกคอมพิวเตอร์ศึกษาปี ๒ นั้น หลายคนเคยเข้าร่วม KM Workshop ที่สภานิสิตจัดที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้มาแล้ว และส่วนใหญ่ในเอกก็ได้มาเข้าร่วมเป็น Staff โครงการ KM Workshop สำหรับผู้นำนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ ที่จัดโดยสภานิสิต ด้วย และสุดท้าย KM Workshop ที่ มน.พะเยา ก็ได้น้องเอกคอมพ์ฯ ส่วนหนึ่งไปเป็นทีมงาน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า กิจกรรม KM Workshop ของสภานิสิต เบื้องหลังคนที่คอยวิ่งสู้งานอยู่นั้นไม่ใช่ใคร นิสิตศึกษาศาสตร์นี่เองครับ โดยเฉพาะ น้องเอกคอมพ์ฯ ถือเป็นบุคคลากรหลักที่ผมอยากจะประกาศให้โลกรู้ว่า นี่แหละครับของจริง (คณะอื่นอย่าพึ่งน้อยใจนะครับ เขียนตามหัวข้อ)

 

          ในช่วงแรกของการทำ Workshop นั้นผมให้ผู้เข้าร่วมที่แบ่งกลุ่มแล้วชมวิดีทัศน์ของ รพ.บ้านตากครับ และผมก็สอนวิธีสกัดแก่นความรู้ โดยสุดท้ายให้ในกลุ่มช่วยกันสกัดแล้วส่งตัวแทนออกมาเล่า ช่วงนี้ยังค่อนข้างวุ่นวายครับ ผู้เข้าร่วมยังไม่ค่อยมีสมาธิ คงเป็นเพราะวิทยากรรุ่นเดียวกัน อีกทั้งคุณอำนวยก็ยังมือใหม่ คุณเอื้อก็ยังไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการ พยายามมาแทรกแซง หลังกิจกรรมตรงนี้ผลเลยตัดสินใจพักเบรก .......

 

          ช่วงพักเบรกพอดีครับ อาจารย์รุจโรจน์ ท่านมาพอดีพอรับฟังปัญหา ท่านก็เลยช่วยชี้แนะให้ รวมถึงช่วยอธิบายให้คุณเอื้อที่ไม่เข้าใจกระบวนการฟัง โอโห ..... ตอนนั้นถ้าไม่ได้อาจารย์รุจโรจน์นะครับ แย่แน่ อีกซักพัก อาจารย์วิบูลย์ รองอธิการฝ่ายวิจัยฯ พี่ตูน ผอ.หน่วยประกันฯ ที่ทราบข่าว ผมไม่นึกว่าจะมาเพราะงานเล็กมาก ท่านก็อุตส่าห์เดินทางมา หลงหาห้องไม่เจอก็ยังมาจนเจอ ผมนี่ปิติมากครับ

 

          หลังเบรก...เมื่อกำลังใจดี ประกอบกับอาจารย์มานั่งในห้องหลายคน ผู้เข้าร่วมก็เลยสงบลงได้ (รองอธิการนั่งอยู่ทั้งคน) ปรากฏว่าช่วงนี้นะครับ ผมได้นำโมเดลปลาทู รวมทั้งเครื่องมือต่างๆมาสอน ปรากฏว่าบรรยากาศเริ่มลื่นไหล และในที่สุดก็ติดลมบน สามารถนำเข้าสู่กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หลัก ความประทับใจในชีวิตมหาวิทยาลัย โดยบรรยากาศนั้นผมเห็นแล้วมีพลัง และน่าสนใจมากครับ ทั้งคุณอำนวยมือใหม่ คุณลิขิต สามารถดำเนินงานไปได้ โดยไม่สะดุด สุดท้ายเมื่อตัวแทนกลุ่มออกมาเล่าสกัดแก่นความรู้ และผมสรุปเสร็จ ก็มีกิจกรรม AAR. โดยนอกจาก ผมจะให้ผู้เข้าร่วมประเมินธรรมดาแล้วยังกำหนดให้พูดความรู้ที่ได้วันนี้ด้วย......

         เชื่อไหมครับ แต่ละคนพูดดีมาก ใครเคยเป็นวิทยากรสอนคนแล้วคนสามารถเข้าใจได้ดี คงจำความรู้สึกปิตินั้นได้นะครับ กิจกรรมตรงนั้นผ่านมาแล้วครับ ผมสามารถผ่านด่านนั้นมาได้ ต้องขอขอบคุณทุกคนครับทั้งผู้เข้าร่วม เพื่อนๆเทคโนปีสาม น้องเอกคอมพ์ฯปีสอง ที่ร่วมสร้างระบบการจัดการความรู้อยู่เบื้องหลังคำว่าสภานิสิต จนมาวันนี้มาเป็นผู้เข้าร่วมสร้างแบบทดสอบให้ผม รวมถึงคณาจารย์คุณเอื้อทุกท่าน ที่แม้ข่าวงานนี้ผมแทบจะแอบทำเลยก็ว่าได้ เพราะกลัวพลาด ก็ยังกลับได้ยินข่าวและพากันมาจนผมรู้สึกมีกำลังใจ

 

          เป้าหมายต่อไปเราจะเอาความสำเร็จของกิจกรรมนี้ไปเสนอ อาจารย์เทียมจันทร์ครับ เพื่อผลักดันให้เกิด KM Workshop นิสิตคณะศึกษาศาสตร์ (ทั้งหมด) ต่อไป ร่วมติดตามชมกันต่อไปนะครับ

ผมกับเพื่อนรวมเงินกันคนละร้อย ร่วมมือกันคนละนิด สร้างจิ๊กซอร์ชิ้นแรกได้สำเร็จ ใครจะมารวมพลังสร้างจิ๊กซอร์ชิ้นต่อไปบ้างครับ

 

เชิญทุกท่านแนะนำ ติชม หรือ อ่านเฉยๆไม่คอมเมนต์ก็ได้ครับ

 

หมายเลขบันทึก: 73840เขียนเมื่อ 23 มกราคม 2007 03:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 08:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

อืม....กิจกรรมนี้เนี่ยบอกตรงๆว่ามีประโยชน์กับนิสิตเป็นอย่างมาก ทำให้เราได้เข้าใจ KM ได้มากขึ้น และนำมันมาปรับใช้ในการใช้ชีวิตกับเรื่องเล็กๆน้อยที่เราก็ไม่ควรมองข้ามได้ อย่างแรกเลยคือ เราได้ฝึกคิด คิดแล้วเราไม่ได้เก็บไว้คนเดียว เรามีการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ทำให้เราได้รัความคิดเห็นแปลกๆใหม่ๆที่เราสามารถนำมาปรับปรุงความคิดของตัวเองได้ นี่แหละคือก้าวแรกที่ดีของพวกเราซึ่งได้การปูพื้นฐานที่ดีจากรุ่นพี่ซึ่งเป็นสายเลือดศึกษาของเราเอง

ต้องขอบคุณ....พี่ปืนและพี่ทุกๆคนเลยนะคะ.....แล้วจะมาทักทายใหม่คะ

 

 

หนูบีเวอร์

        ขอชื่นชมกับกิจกรรมของหนูมาก  แต่มีคำถามหนึ่งคำถาม  "เมื่อได้แก่นความรู้แล้ว  จะมีกิจกรรมอะไรต่อหรือไม่"

ตอบ ป้าวิไล

  • การจัด KM ของผมในครั้งนี้จุดประสงค์อาจต่างจากครั้งอื่นๆ เช่นบางครั้งจัดด้วยหัวปลาที่ว่า "ความสำเร็จในการทำกิจกรรมนิสิต" นั่นก็หมายความว่า จะนำแก่นความรู้ที่ได้จากคนที่ทำกิจกรรมไปให้นักกิจกรรมรุ่นต่อไปได้เห็น เพื่อนำไปใช้
  • แต่การจัดของผมครั้งนี้ เป็นการจัดให้กับนิสิตธรรมดาที่มีทั้งนักกิจกรรม นักเรียนธรรมดา นักกีฬา ซึ่งถ้าหากเรากำหนดหัวปลาที่แคบเกินไป บางคนจะไม่สามารถคุยด้วยได้เนื่องจากไม่มีแก่นความรู้ในตน
  • อีกอย่างหนึ่งคือจุดประสงค์การจัดของผมในครั้งนี้มิได้ต้องการแก่นความรู้ไปใช้ แต่ต้องการสอนกระบวนการคิดในระบบการจัดการความรู้ ให้แก่ผู้เข้าร่วม ให้ผู้เข่าร่วมรู้จัดตั้งใจฟัง ตั้งใจคิด ตั้งใจพูด เปิดใจ และเรียนรู้ นี่คือจุดประสงค์ของโครงการ ที่ต้องการสอนเครื่องมือ มากกว่าจะเอาผลครับ
  • ถามว่าทำไม ตามแผนยุทธศาสตร์ การดำเนินงานนั้น จุดนี้เรียกว่า "บ่มเพาะ" ครับ ซึ่งการจะให้ออกดอกออกผลมานั้น ต้องมีกิจกรรมต่อไปอีกครับ
  • ส่วนผลที่ได้จะตรงจุดประสงค์หรือไม่เรียนเชิญคุณป้าวิไล อ่านคอเมนต์แรก ของน้องนุ้ย นะครับ จะเห็นว่าที่น้องเค้าได้จากโครงการไม่ใช่แก่นความรู้ แต่เป็นกระบวนการคิดแบบการจัดการความรู้ ครับ
  • ผมว่าตรงจุดประสงค์ของผมแล้วนะครับ ในก้าวแรก หรือท่านอื่นๆว่าอย่างไร

ตอบ น้องนุ้ย (เอกคอมพ์ฯ)

  • เก่งมากครับน้องนุ้ย ขอให้รักษาความรู้ ความดีไว้ เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ที่ถูกบ่มเพาะไว้ แตกหน่อ ออกมา เพื่อที่จะต่อยอดต่อไปครับ
  • ขอบคุณครับ

ชื่นชมกับการเรียนรู้ของนิสิต  มน.  มากครับ

รักษาวิธีการ "เรียนรู้จากข้างใน"  และ  "การเรียนรู้เป็นกลุ่ม  หลายๆคน"   แบบนี้เอาไว้ให้อยู่กับเรา  ติดตัวไปถึงชีวิตการทำงานของโลก  มหาวิทยาลัยชีวิตจริงด้วยนะครับ

 

  • ขอบคุณครับ ผมจะไม่ลืมคำสอนครับ

   ยินดีกับความสำเร็จครั้งนี้ด้วยน่ะค่ะ 

  • ดีใจด้วยกับความสำเร็จครั้งนี้
  • หวังว่าสาวกKMคงพอกพูนมากยิ่งขึ้น
  • สู้ต่อไปชายฉกรรจ์
  • เหอๆ ชายฉกรรจ์สู้อยู่แล้วครับ
  • (คอมเมนต์แปลกๆ)
  • ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ

- ปืน ผมเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ผมจำได้ว่า กิจกรรมในวันนั้นเป็นการผสมผสานการเรียนการสอนของ 2 วิชา จากนิสิต 2 ชั้นปี

- (ปี 3 ฝึกการจัดสัมมนา) ส่วน (ปี 2 เรียนรู้ในหัวข้อ KM) จึงนำมาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน โดยให้ปี 3 ฝึกทำ KM workshop (สัมมนาแบบใหม่) และให้ปี 2 เข้าร่วม workshop (เพื่อเรียนรู้ KM จากการปฏิบัติจริง) ผมว่าเป็นการจัดการเรียนการสอนที่ยอดเยี่ยมมาก ๆๆๆ

  • ถูกต้องแล้วครับอาจารย์ เป็นเช่นนั้น อาจารย์เข้าใจถูกแล้ว
  • การดำเนินงานก็อย่างที่เขียนนะครับ
  • ในขณะที่กลุ่มอื่น เลือกที่จะง่ายๆ เชิญวิทยากรมาสอน มาพูดมาฟัง คนจัดก็นั่งเฉยๆ แค่ประสานงาน
  • ผมคิดว่าถ้าแค่นั้นมันก็ ไปเรียนการประสานงานดีกว่า เราน่าจะจัดอะไรที่คนในกลุ่มนอกจากจะเป็น ผู้จัด ยังต้องเข้าไป ผู้ให้ด้วย
  • จริงๆแล้วหากไม่มีวิชานี้ โครงการตรงนี้ผมก็ยังจะจัดอยู่ดีครับ แล้วก็จะมีเพื่อนกลุ่มเดียวกันนี้แหละครับเป็นทีม
  • ขอบคุณอาจารย์มากครับ
แม่/สพท.นนทบุรีเขต.2

ปืนลูกรัก ที่หนูตอบดร.วิบูลย์แม่ไม่อยากให้ลูกใช้คำว่า" ในขณะที่กลุ่มอืนเลือกที่จะง่ายๆ เชิญวิทยากรมาสอนฯ" ไม่น่ารักนะลูกอยากให้หนูระมัดระวัง ผู้อื่นคิดดีทำดีก็ดีแล้วตามศักยภาพของตนเหมือนนำสะอาดพร้อมดื่มแต่บรรจุอยู่คนละแก้วเท่านั้นเอง

เรื่องนี้หนูต้องจดจำให้ดีหากไม่ระมัดระวังจะกลายเป็นยกตนข่มท่าน  ปืนคงไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้นและครั้งนี้ปืนคงไม่ได้เจตนาใช่ไหมลูก ปรับปรุงนะลูกนะ

 

 

 

 

  • ขอบคุณแม่มากครับ ขอบคุณมาก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท