ในวงเรียนรู้คุณลิขิตของ กศน.นครศรีฯ วันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา เราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้อะไรกันบ้าง ก็ขอเล่าต่อย่อๆต่อจากบันทึกที่ผมได้เขียนไว้ชื่อฟันฝ่าสร้างเครือข่ายบล็อกเกอร์และคุณลิขิตเมืองนครศรีฯ ลิ้งค์อ่าน ดังต่อไปนี้
ในการเขียนบันทึกหนึ่งบันทึกใด จะต้องเขียนจากความเข้าใจและสนใจของตนเอง ที่สำคัญที่สุดจะต้องเป็นข้อมูลความรู้ที่ผ่านการปฏิบัติในงานหนึ่งงานใดหรือเกี่ยวข้องกับงานหนึ่งงานใด ผมยกตัวอย่างว่าอย่างการอบรมเทคนิคลีลาการเขียนบันทึกหรือการลิขิตในวงเรียนรู้คุณลิขิตวันนี้ มีเรื่องที่จะเขียนได้มากมาย ในแง่ของผู้จัดก็หยิบประเด็นที่ตนสนใจมาเขียนได้เยอะแยะ วิทยากรอย่างผมก็มีมุมมองที่สนใจมากมายเช่นกัน หรือผู้เข้ารับการอบรมเองก็เหมือนกันคิดว่าคงจะมีประเด็นปิ้งแว้ปขึ้นมาบ้างแล้ว
ยกตัวอย่างประเด็นสนใจหรือประเด็นปิ้งแว้ปที่จะหยิบยกมาเขียนเกี่ยวกับการอบรมคุณลิขิตในครั้งนี้ เท่าที่ผมสังเกตแล้วผมเองสนใจในเรื่องเพื่อนเรียนรู้มากซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ ของ กศน. ที่จะสร้างคุณลักษณะให้บุคลากรและกลุ่มเป้าหมายให้เป็นผู้ใฝ่การเรียนรู้ เพราะเมื่อไรที่ผมตั้งประเด็นพูดคุยกับที่ประชุม ที่ประชุมก็แสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวางออกรสชาติ คุณชาญวิทย์ สมศักดิ์ เอง ท่านยกตัวอย่างว่าท่านสังเกตผู้เข้ารับการอบรมแล้วเป็นสุภาพสตรีเสียส่วนใหญ่ ทำไมไม่ค่อยมีสุภาพบุรุษ ทักษะการเป็นคุณลิขิตจะเกิดในสุภาพบุรุษได้อย่างไร คือประเด็นที่ท่านสนใจหรือปิ้งแว้ปในขณะนั้น เป็นต้น
สิ่งที่เราปิ้งแว้ปขึ้นมาเราต้องบันทึกเอาไว้เพื่อกันลืม เพราะมันจะปิ้งแว้ปอะไรขึ้นมาได้เรื่อยๆแล้วแต่เราได้สังเกตได้เห็นถึงสิ่งรอบข้างหรือปรากฏการณ์อะไรในขณะนั้นๆ เราจึงต้องจด ต้องบันทึกไว้ก่อน จะได้ไม่ลืม คุณชาญวิทย์บอกว่าในงานที่ท่านทำ(ส่งเสริมการเกษตร) ก็ใช้หลายอย่างประกอบกัน ที่อยากจะแนะนำคือกล้องถ่ายรูป กล้องวีดิโอเพราะภาพหนึ่งภาพจะแทนคำพูดหรือตัวหนังสือได้ตั้งมากมาย ใช้เครื่องบันทึกเสียง เป็นต้น ผมเองก็บอกว่าใช้สมุดเหลือใช้ บันทึกเป็นประเด็นสำคัญๆ ทั้งอย่างเป็นมายแมป ความเรียง ใช้เครื่องมืออย่างกล้องถ่ายรูป เป็นต้น
เมื่อได้ประเด็นปิ้งค์แว้ปหรือสนใจแล้ว ก็จะมาถามตนเองต่อว่าทุนความรู้หรือประสบการณ์เดิมเรื่องนั้นของตนเป็นอย่างไร จึงจะได้นำมาประมวลเป็นเรื่องราวในขั้นตอนที่จะเรียบเรียงเขียนบันทึกบล็อกต่อไปแล้วหละ เราจะมานั่งหน้จอโดยที่ว่างเปล่าไม่มีทั้งงานที่ทำ ความรู้ที่ได้ปฏิบัติมา แถมทุนความรู้และประสบการณ์เดิมก็ไม่มีอีกต่างหาก เราก็ได้แต่นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์แหละครับ รับรองว่าเขียนไม่ออก ยกเว้นคนที่เขาเก่งจริงๆเขาอาจจะเขียนได้ แต่สำหรับผู้เริ่มต้นเรียนรู้ฝึกหัดอย่างเราก็น่าจะต้องอาศัยการฝึกอย่างนี้ไปก่อน ฉะนั้นที่ใครพูดหรือกล่าวว่านั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วเขียนบันทึกอย่างเดียว ก็อาจจะมีจริงอย่างเขาว่าก็ได้ แต่สำหรับคนที่ทำงานอย่างนักจัดการความรู้แล้ว ผมว่าคนที่นั่งเขียนบันทึกคือคนที่ทำงานมาก่อนแล้วทั้งนั้น แล้วแต่ว่าหน้างานเขาเป็นอะไร จะไม่มานั่งหน้าจอแล้วเพ้อเจ้อไปวันๆอย่างแน่นอน ผมมีความเห็นเป็นดั่งนี้ และนี่แหละคือเหตุผลของทีมวิทยากรเราที่ไม่ตามใจผู้เข้ารับการอบรมให้พูดคุยเรื่องเทคนิคลีลาการเขียนบล็อกก่อน ก่อนที่จะได้ทำความเข้าใจเรื่องหน้างานหรือเป้าหมายงาน กระบวนการทำงานของแต่ละคนให้ชัดเจนเสียก่อน
เมื่อได้กำหนดหน้างานของเราแล้วว่างานใดจะทำแบบจัดการความรู้ จากนั้นจึงให้เริ่มทำจากกิจกรรมเล็กๆไปก่อน แล้วค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น เมื่อพบความรู้แล้วทั้งความรู้รายทาง และความรู้ปลายทางซึ่งเป็นสุดท้ายของเป้าหมายแล้ว ก็นำมาเล่าเพื่อส่วนหนึ่งสำหรับเก็บเป็นคลังความรู้และที่สำคัญมากที่สุดอีกเหตุผลหนึ่งคือเป็นประสบการณ์ เป็นความรู้สำหรับใช้ทำงานรอบใหม่ ในรอบหน้า ในครั้งหน้าที่เชื่อว่าจะต้องดีกว่าเดิม เพราะของเก่าเราได้เรียนรู้แล้ว ส่วนจะเขียนเล่าในนามของหน่วยงานหรือองค์กรหรือในนามส่วนตัว ก็ตัดสินใจกันเอาเอง พูดถึงตอนนี้ผมได้ฉายให้ดูบันทึกที่ผมบันทึกเรื่องจะบันทึกบล็อกในนามส่วนตัวหรือองค์กรขึ้นจอแอลซีดี ลิ้งค์อ่าน ให้ดูด้วย และให้สังเกตทำการศึกษาเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน เพราะดูว่าบันทึกทั้งสองแบบนี้มีลักษณะที่ต่างกัน ส่วนจะเล่าด้วยเทคนิคและลีลาอย่างไร อันนี้ผมว่าก็แล้วแต่จะถนัด เป็นตัวของตัวเองจะดีที่สุด สำหรับตัวผมเองนั้นที่พอจะมีประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนบ้าง ผมจึงให้เปิดบันทึกชื่อเทคนิคการเขียนบันทึกบล็อก ลิ้งค์อ่าน ขึ้นจอแอลซีดีให้ได้ศึกษาเรียนรู้เช่นกัน
เนื่องจากเรื่องเทคนิคลีลาการเขียนบันทึกเป็นเรื่องเฉพาะตน ผมว่ามันสอนกันไม่ได้ เทคนิคใครก็เทคนิคคนนั้น ผมว่าให้แต่ละคนค้นหาแนวทางการเขียนของตนเองให้พบให้เจอให้ได้แล้วนั่นแหละจะเป็นเทคนิคที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง แต่เมื่อมีคนเรียกร้องมาก ทั้งถามสดๆ และเขียนโน้ตขึ้นมาที่ผมก็มี ผมก็เลยเปิดตัวอย่างบันทึกของบล็อกเกอร์ท่านต่างๆให้ดู สำหรับคนที่สนใจพิเศษ ผมจึงบอกว่าไปที่หน้า gotoKnow เลย แล้วค้นหาจากป้ายที่เขียนว่าเทคนิคลีลาการเขียนบันทึก เท่านั้นแหละคลังความรู้ที่เหล่าบล็อกเกอร์ต่างๆเขียนไว้ก็จะปรากฏมาให้เห็น ซึ่งผมสังเกตดูที่ประชุมเมื่อเห็นรายการขึ้นมามากมายเช่นนี้ก็ทึ่งกับคลังความรู้ของgotoKnowไม่น้อยทีเดียว ผมแนะนำแถมให้อีกถ้าว่าสนใจอยากรู้เรื่องใดอีกก็คลิ๊กป้ายนั้นขึ้นมา
กิจกรรมฝึกอบรมในวันนั้น ทีมวิทยากรได้สาธิตประกอบการฝึกปฏิบัติจริงแก่ผู้เข้ารับการอบรม ทั้งการสร้างบล็อกและเขียนบันทึก คุณชาญวิทย์ สมศักดิ์ ครูราญเมืองคอน และน้องติ่ง (สมวิศว์ จู้พันธ์) ได้สร้างบล็อกและเขียนบันทึกให้ดูกันสดๆเลยครับ สามารถตามดูได้ที่บันทึกรายงานสดบรรยากาศสด ๆ การ "ประชุมวงเรียนรู้คุณลิขิต กศน." ลิ้งค์อ่าน
วันนั้นเสียดายที่ผู้เข้ารับการอบรมครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 60 คนยังไม่ได้เปิดบล็อก(จากการสอบถามของผมในที่ประชุม) ทำให้ต้องเสียเวลาไปกับการฝึกสร้างบล็อก ไม่งั้นแล้ว คงจะได้พูดคุยในการศึกษาแนวเขียนบันทึกของบล็อกเกอร์ท่านต่างๆมากกว่านี้....แต่คิดว่าวงเรียนรู้นี้มีแปดครั้งสำหรับปีนี้ คงมีเวลาได้คุยกันต่อ คงไม่เป็นปัญหาใดๆ เราคงมีเวลาสำหรับฝึกศึกษาและเรียนรู้ไปพร้อมๆกันแน่นอน
ผมดีใจเมื่อได้ยินทีม KM กศน.จังหวัดฯพูดต่อจากที่ผมและคณะนำเสนอจบแล้ว ว่าจังหวัดจะติดตามความเคลื่อนไหวของงาน กศน.ทุกงานที่อำเภอดำเนินการจากบล็อก ให้ผู้เข้ารับการอบรมไปใช้ประโยชน์จากบล็อกให้เต็มที่ ผู้เข้ารับการอบรมทุกคนในวันนั้นจังหวัดจะได้แต่งตั้งเป็นคุณลิขิตของอำเภอโดยทำเป็นคำสั่งที่ลงนามโดยผู้ว่าราชการจังหวัด วางบทบาทให้คุณลิขิตอำเภอไปแนะนำการทำบล็อกกับบุคลากรท่านอื่นที่ทำงานร่วมกันทั้งในองค์กรตนเองและต่างองค์กรในระดับอำเภอ ตำบล และที่สำคัญที่สุดคือกับระดับกลุ่มเป้าหมายคุณกิจหรือผู้เรียนในระดับหมู่บ้าน ท่าน CKO กศน.จังหวัด คือ ผอ.วิมล วัฒนา ก็พูดย้ำชัดเจนว่าจะติดตามเรื่องการนำองค์ความรู้ โนเฮาว์ต่างๆของแต่ละอำเภอจากทางบล็อก
ผมคิดว่าสิ่งที่ผมฟันฝ่าและเคลื่อนไหวอยู่ลึกๆลับๆ สลับบนดินใต้ดิน ก็เป็นสัญญาณที่ดีขึ้นมาให้เห็นได้บ้างแล้ว จึงนำมาบอกกล่าวครับ
ผมมีภาพกิจกรรมมาฝากต่อไปนี้ ครับ
สองภาพบนทีมวิทยากร
สองภาพล่างผู้เข้ารับการอบรม.....ว่าที่คุณลิขิตอำเภอ
ได้ความรู้เพิ่มมากขึ้นเลยค่ะ ขนาดเคยได้บันทึกบ้างแล้ว แต่มาอ่านจากที่ครูนงฯ สรุปให้นี้ ทำให้เข้าใจได้เพิ่มมากขึ้นทีเดียวค่ะ คิดว่าหลาย ๆ คนที่ยังลังเลไม่รู้จะเริ่มต้นบันทึกยังไง ถ้าได้มาอ่านบันทึกนี้ของครูนงฯ แล้ว ดิฉันว่า เราคงมีได้ความรู้เพิ่มขึ้นจากท่านเหล่านี้มากทีเดียวค่ะ
ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ต่อ นะคะ
จากการอบรมเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2550 ยังทำตามไม่ทันในเรื่องการตกแต่งblog แต่เรื่องอื่น พอเข้าใจและกำลังนำมาทดลองฝึกดู เนื่องจากยังไม่ค่อยมีความชำนาญ แต่ต่อไปคงจะเก่งเหมือนครูนงเมืองคอน แน่ๆ เลยคะ
คุณรัตติยา ครับ
ยินดีให้ครับ ถ้าจะมีคุณค่าอยู่บ้าง แต่ผมเองพูดเองมองเอง ผมก็มองว่ามันก็งั้นๆแหละครับ มันเป็นกิจนิสัยในการทำงานในการเรียนรู้ของผมอย่างเป็นปรกตินี่เองครับ ไม่ได้มีอะไรที่แปลกพิสดาร..ยินดีครับคุณรัตติยาหากจะได้มองเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้ตรงนั้น
คุณหมอนนทลี แห่งเพื่อนร่วมทาง
จะโชว์ทีมงานเป็นหลักครับ คนคอเดียวกัน ไปไหนไปด้วยกัน นกจะบินไกล เมื่อบินไปกับฝูงครับ บินไปตัวเดียว ก็ไม่นานอ่อนแรง...ไปชวนคนอื่นมาอยู่ในฝูงบินไปด้วยกัน ประมาณนั้นนั่นแหละครับ....จะได้สาวๆมาเข้าฝูงบ้างหรือไม่ คิดว่าน่าจะได้ เพราะวันนั้นคุณชาญวิทย์ ท่านสังเกตกลุ่มผู้เข้าร่วมอบรมสรุปว่าเป็นสุภาพสตรีเสียส่วนใหญ่ จะสาวๆหรือเปล่าเช็คข้อมูลจากทานนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาทักทายไม่เสื่อมคลายความสัมพันธ์
อ.ภีม ครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน มาให้กำลังใจ ...ไว้งานหน้าครับ รออาจารย์อยู่เพียบเกือบในทุกขั้นตอน
คุณศิริเพ็ญ ครับ
เรื่องการตกแต่งบล็อก เราคงมีเวลาพูดคุยกันแน่นอนครับในเวทีพบปะกันครั้งต่อๆไปอีก 7ครั้งที่เหลือ คราวนี้พอเป็นพื้นฐานให้ทำได้ก่อน เป้าหมายอยู่เพียงเท่านี้ครับ แสดงว่าคุณศิริเพ็ญเกิดแรงบันดาลใจแล้วใช่ไหมครับ ดีใจด้วยที่ทดลองทำอยู่ ทำได้แล้วอยู่ลืมนำบล็อกผมไปไว้ในแพลนเน็ตด้วยนะ จะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น หรือนำบล็อกของคุณศิริเพ็ญไปไว้ที่แพลนเน็ตจัดการความรู้เมืองนคร ที่นี่ คลิ๊ก แพลนเน็ตของ อ.ภีม ก็ได้เพราะหลายคนก็ไปพบปะแลกเปลี่ยนกันที่นั่นอยู่แล้ว
น้องสิงห์ป่าสัก ครับ
ขอบคุณที่มาเป็นกำลังใจให้ งานนี้ถ้าไม่ได้คุณชาญวิทย์ สมศักดิ์ ทีมงานจากกรมส่งเสริมฯของน้องมาช่วยคงแย่แน่