มีนักศึกษาเคยบ่นให้ฟังว่า ในคลินิกมีอาจารย์ที่ไม่ค่อยใส่ใจตรวจงานของนักศึกษา และขึ้นเช็คงานช้า ลงจากคลินิกก็เร็ว ทำให้นักศึกษาไม่ค่อยได้เรียนรู้ และทำงานไม่ทัน นักศึกษาคนนี้รู้สึกคับข้องใจกับอาจารย์ท่านนี้ค่อนข้างมาก
อยากจะบอกว่าในสมัยที่อาจารย์เรียนอยู่ก็มีอาจารย์แบบนี้เหมือนกัน จึงเห็นว่าเรื่องอย่างนี้มีมานานแล้ว และดูเหมือนจะเป็นปกติในโรงเรียนทันตแพทย์หรือแม้แต่ในสถาบันการศึกษาอื่นๆ
ที่ว่าเป็นเรื่องปกตินั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องดี แต่มันคือ "ธรรมชาติ" ของสังคมที่เราคงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ คำแนะนำในเบื้องต้นมี 2 วิธี ดังนี้
วิธีที่หนึ่ง ศิษย์ลองหวนคิดถึงตัวเองสักหน่อยดีไหม ว่าถ้าเราเกิดกลับร่างเป็นอาจารย์ท่านนั้น ต้องมีวิถีชีวิต มีครอบครัว มีปัญหาแบบนั้น เราจะยังทำเหมือนกับที่อาจารย์ท่านนี้ทำหรือไม่ นั่นก็คือหลักอิทัปปัจจยตาของศาสนาพุทธ คือทุกปรากฏการณ์บนโลกนี้ล้วนมีที่มาและมีที่ไป และเป็นเหตุผลสืบเนื่องกัน ดังนั้นเราอาจจะต้องให้โอกาสอาจารย์ท่านนั้น คือพยายามเอาใจท่านมาใส่ใจเราดูก่อน บางครั้งปัญหาความไม่เข้าใจหลายอย่างจะมีคำตอบได้จากวิธีนี้
วิธีที่สอง หากอาจารย์ท่านนั้นทำไม่ถูกต้องจริงๆ (หมายถึงหากเราพยายามเอาใจท่านมาใส่ใจเราแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าท่านทำเกินไป) อาจารย์ก็อยากให้นึกถึงกราฟรูประฆังคว่ำที่ อ. นพ. บุญเลิศเคยพูดให้ฟัง (มีรายละเอียดอยู่ใน blog ความเห็นเรื่อง "ขาดความมั่นใจในการเรียน") ว่าอาจารย์ท่านนั้นคงตกอยู่ในส่วน 5% สุดท้ายของคนที่เป็นอาจารย์ ดังนั้นลองแผ่เมตตาให้ท่าน เพื่อให้ท่านเกิดปัญญาและขยับตัวเองมาอยู่ในกลุ่มปกติ
ชีวิตของศิษย์คงไม่ได้ขึ้นกับอาจารย์ท่านนี้ท่านเดียวหรอก และก็คงไม่ได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต เดี๋ยวเราก็จากกันไปแล้ว ดังนั้น การที่ตัวเราเองรู้เท่าทันสถานการณ์เหล่านี้ แล้วตั้งสติ สร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเองน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของปัญหาในลักษณะนี้
ป.ล. สังคมของเราทุกวันนี้ แม้ดูเหมือนมีคนที่สร้างปัญหาให้คนอื่นมาก แต่ก็ยังเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับประชากรโลก (5% ของสังคม) เรายังมีคนปกติที่เป็นคนดีและช่วยจรรโลงสังคมอีกมากกว่านั้น การกำจัดคนในกลุ่มนี้ออกไปจากสารบบย่อมทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ขึ้นกับกรรมเวรของแต่ละคน เราคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพานพบคนเหล่านี้บ้างในชีวิต ดังนั้น การที่ตัวเราสร้างภูมิคุ้มกัน โดยมีสติ รู้เท่าทันย่อมจะทำให้เราสามารถรอดพ้นจากปัญหาได้เสมอ
ขอให้เจ้าของคำถามและผู้เข้ามาอ่านบล็อกช่วยอีเมล์ถึงอาจารย์อ๊อดด้วยครับว่าได้รับประโยชน์จากคำแนะนำของเราหรือไม่ อย่างไร เพื่อเราจะได้นำไปปรับปรุง จะขอบคุณมาก
พี่ก็เคยไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ถ้าคิดดูดี ๆ แล้วจะพบว่าอาจารย์ก็เป็นเหมือน ๆ กันกับเรา ท่านก็อาจมีธุระ มีความชอบหรือไม่ชอบในสิ่งต่าง ๆ ได้ มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันไป ซึ่งบางอย่างเราอาจชอบหรือไม่ชอบก็ได้ ลองคิดย้อนดูมาที่ตัวเราก็จะพบว่าเพื่อนบางคนก็ชอบเรา บางคนก็อาจไม่ชอบเราก็ได้ ทั้ง ๆ ที่เราแสดงออกกับเพื่อน ๆ เหมือนกัน แต่การที่เราเป็นนักศึกษา การเรียน lecture ก็ทำให้เราเครียดอยู่แล้ว และเวลาขึ้นปฏิบัติงานใน clinic ยิ่งเครียดมากขึ้นไปอีก ดังนั้นพี่คิดว่าเราควรที่จะตั้งสติให้ดี ควรมีความเคารพต่ออาจารย์ และมุ่งความสนใจไปที่การให้การรักษาผู้ป่วยและการศึกษาหาความรู้ให้มากที่สุด โดยไม่มีอคติ จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นในการเรียน ซึ่งการเริ่มต้นที่ดีก็จะทำให้มีความสุขไปตลอดวัน