ความสำคัญ
วันที่ 21 มกราคม 2550 คือวันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทยอีสาน ท่านที่เป็นชาวอีสานคงจะงง งง ว่ามันสำคัญอย่างไร ? จริงๆแล้ว “วันที่” ไม่ใช่ความสำคัญแต่บังเอิญมันตรงกับปฏิทินทางจันทรคติคือ เป็นวัน 3 ค่ำเดือน 3 ซึ่งเป็นวันที่ประเพณีโบราณของชาวไทยอีสานเรียกว่า “วันเปิดประตูเล้าข้าว” แต่ปัจจุบันนี้ประเพณีดังกล่าวได้ถูกละเลยงดเว้น หรือยกเลิกไปในแทบทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในแถบที่วิถีชีวิตชาวชนบทได้ถูกรบกวนโดยกระแสความเจริญทางด้านวัตถุ และวิถีแห่งเศรษฐกิจชาวเมือง ประเพณีทำขวัญยุ้งฉางข้าว หรือ บุญเปิดประตูเล้าข้าว เป็นประเพณีดั้งเดิมประจำถิ่นอีสาน ประเพณีนี้ ยังคงสืบทอดและปฏิบัติกันอย่างเหนียวแน่นในหมู่ของชนเผ่าที่อยู่รอบเทือกเขาภูพาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มราษฎรไทยเชื้อสายกะโซ่ ที่อำเภอดงหลวงจังหวัดมุกดาหาร ได้ถือเอาวันนี้ของทุกปีเป็นวัน “ตรุษโซ่” ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันดังกล่าวเกือบทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกับการทำนาแทบทั้งสิ้น เน้นให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อข้าวเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น การศึกษาวิถีชนเผ่าที่สะท้อนจากประเพณีที่อนุรักษ์กันมาอย่างเหนียวแน่นแล้วสอดแทรกแผนการพัฒนาด้านต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและความต้องการพื้นฐานของชุมชน จึงน่าจะเป็นแนวทางการพัฒนาที่ประสบความสำเร็จ
พิธีกรรม
กิจกรรมในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 เป็นพิธีกรรมที่ปฏิบัติเป็นรายครอบครัว โดยไม่มีการรวมกลุ่มกันจัดกิจกรรมแต่อย่างใด พิธีกรรมจะเริ่มในตอนเช้าโดยประกอบพิธีทำขวัญข้าวและยุ้งฉางเป็นอันดับแรก “พาขวัญ” หรือ ภาชนะที่ใช้ประกอบพิธีประกอบด้วย ดอกไม้ ธูปเทียน 5 ชุด (ขันธ์ 5) ผ้าผืน แพรวา ข้าวเหนียวนึ่ง ไข่ต้ม ขนม น้ำ น้ำหอม ใบยอ ใบคูณ และด้ายผูกขวัญ เจ้าของเรือนเปิดประตูยุ้งฉางนำเครื่องประกอบพิธีไปวางไว้บริเวณหน้าประตู แล้วกล่าวคำทำขวัญข้าว
คำกล่าวเริ่มด้วยการเชิญขวัญข้าวมาสถิตอยู่ในยุ้งฉาง ตามด้วยคำขอบคุณหรือการสำนึกในบุญคุณของข้าว และการร้องขอให้ผลผลิตข้าวในปีต่อไปเพิ่มพูนขึ้น จากนั้นจะนำน้ำหอมที่อยู่ใน “พาขวัญ” ไปประพรมทั่วบริเวณยุ้งฉางรวมถึง คราด ไถ และอุปกรณ์ที่ใช้ทำนาอื่น ๆ ที่มักเก็บรักษาไว้ในบริเวณยุ้งฉาง
ต่อจากนั้น เป็นพิธีผูกขวัญวัวควายโดยนำด้ายมาผูกที่ “เขา” วัวควายที่อยู่ในคอกพร้อมกล่าวคำทำขวัญวัว – ควาย คำกล่าวเริ่มด้วยการเชิญขวัญมาอยู่กับตัวของวัว – ควาย การขออโหสิกรรมที่ดุด่าทุบตี คำขอบคุณหรือสำนึกในบุญคุณที่ช่วยเหลือในการไถนา และตามด้วยการร้องขอให้วัว – ควาย ออกลูกเพิ่มเติมให้แพร่หลายยิ่งขึ้น
พิธีกรรม
สุดท้ายเป็นการเตรียมพื้นที่สำหรับหว่านกล้าและดำนา โดยเกษตรกรจะนำปุ๋ยคอกไปหว่านยังแปลงนา พร้อมทั้งปรับแต่งคันนาที่ถูกปูนาเจาะ และการปิดทางระบายน้ำออกจากแปลงนา เพื่อเตรียมเก็บกักนั้นในฤดูฝนที่จะมาถึง
ปัจจุบันนี้ กิจกรรมเตรียมแปลงนาในบางพื้นที่ ได้ถูกจำกัดให้เหลือเพียงนามธรรม หรือปฏิบัติเฉพาะในแปลงนาที่จะหว่านกล้าเพียงกระทงนาเล็ก ๆ เท่านั้น การหว่านปุ๋ยคอกก็เช่นกัน ในหลายพื้นที่ปัจจุบันหว่านเพียงเล็กน้อยพอเป็นประเพณี
นอกเหนือจากกิจกรรมที่เกี่ยวกับข้าวแล้ว ยังมีพิธีการผูกแขนผู้เฒ่า หรือผู้อาวุโสของแต่ละครอบครัว โดยลูกหลานหรือแม้แต่ผู้น้อยที่เคารพนับถือผู้ใหญ่ท่านนั้นๆก็จะมาร่วมพิธีโดยจะนำด้ายไปผูกที่แขนของผู้อาวุโสรุ่นปู่ ย่า ตา ยาย พร้อมทั้งกล่าวอวยพรให้มีสุขภาพแข็งแรง มีอายุยืนยาว และมอบเงินหรือสิ่งของเสื้อผ้าไว้ให้สำหรับใช้สอย แล้วก็จะกินข้าวพร้อมหน้ากัน พูดคุยกัน
สรุป
สิ่งที่สะท้อนจากประเพณีการเปิดประตูเล้าข้าวที่ยังเหนียวแน่นอยู่ในกลุ่มราษฎรไทยเชื้อสายกะโซ่ แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชนเผ่าที่นอกเหนือจากความเชื่อในจิตวิญญาณของธรรมชาติแล้ว ชาวกะโซ่ยังให้ความสำคัญต่อข้าวเป็นอย่างสูง และให้ความสำคัญต่อทุกขั้นตอนการผลิตข้าว ตั้งแต่แรงงานสัตว์ เครื่องมือคราดไถ จนถึงการเตรียมพื้นที่เพาะปลูก
นอกจากนี้ ประเพณีดังกล่าว ยังแสดงถึงภูมิปัญญาโบราณของท้องถิ่นที่รู้จักการปรับปรุงบำรุงดินโดยใช้ปุ๋ยคอกอีกด้วย การเปิดประตูเล้าข้าวในเดือน 3 ยังเป็นการกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะตรวจสอบคุณภาพ และปริมาณของข้าวที่เก็บไว้ในยุ้งฉาง ซึ่งอาจถูกทำลายโดยนก หนู หรือแมลงมอดต่าง ๆ นอกจากนี้ยังถือโอกาสซ่อมแซมยุ้งฉางในคราวเดียวกัน นอกจากนี้พิธีกรรมนี้ยังเป็นการเสริมสร้างคุณค่าด้านจิตใจอันดีงามยิ่งที่แสดงสำนึกต่อสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติที่ได้พึ่งพาอาศัยกัน ต่อสิ่งที่มีชีวิตคือ การแสดงคารวะต่อปู่ ย่า ตา ยาย ผู้อาวุโสในครัวเรือน ต่อสัตว์คือการแสดงการขออโหสิต่อ สัตว์เลี้ยงที่ใช้แรงงาน เช่น วัว ควาย
การเข้าไปแสดงไมตรีและเอามือลูบไล้สัตว์อย่างเมตตานั้น เป็นเจตนาที่แสดงถึงด้านลึกแห่งสำนึกของจิตใจสูงส่งที่ประเพณีโบราณได้สร้างขึ้นและมีวาระที่ต้องแสดงออก ต่อเครือญาติและสรรพสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเพื่อยังชีพเพื่ออยู่เพื่อกิน ซึ่งการแสดงออกด้านลึกนี้หาไม่ได้กับการผลิตแบบการค้า ของสังคมสมัยใหม่
แต่ปัจจุบันนี้ประเพณีดังกล่าวได้ถูกละเลยงดเว้นหรือยกเลิกไปในแทบทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในแถบที่วิถีชีวิตชาวชนบทได้ถูกรบกวนโดยกระแสความเจริญทางด้านวัตถุ และวิถีแห่งเศรษฐกิจชาวเมือง พี่น้องคนอีสานไม่สืบสานพิธีกรรมความเชื่อที่สวยงาม และสูงสุดด้วยคุณค่า ความหมาย เช่น พิธี 3 ค่ำเดือน 3 ต่อไปหรือครับ...
ไม่มีความเห็น