เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังแต่เช้าเลยวันนี้ ดิฉันกำลังปลูกผักอยู่
สวัสดีค่ะ
สวัสดีคร้าบ
พ่อคำเดื่อง!! อยู่ไหนคะ
อยู่ไกลอยู่
พ่อคำเดื่องไปทำอะไร
มาประชุมน่ะสิ คุณตุ๊ที่
ฮ่วย บ่แม่นอยู่นครพนมรึ
หัวเราะ... อยู่นี่ล่ะไม่ใกล้ไม่ไกลหรอก
ดิฉันได้เจอพ่อคำเดื่องมาประชุมโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนของจังหวัดนครพนม ดิฉันถือโอกาสไปพบพ่อคำเดื่องและร่วมฟังประชุมครึ่งวัน
พ่อคำเดื่องยังคงคมคายและความคิดชัดเจนเหมือนเดิม เวลาฟังความคิดของพ่อคำเดื่องแล้วมันจะตื่นเต้น จะได้อุทานเบา ๆ และหัวเราะอย่างเหลือเชื่อ และทึ่งกับการใช้คำอธิบายความคิดอันเรียบง่ายออกมาตรง ๆ
พวกเราพูดเรื่อง ไม่อยากให้คนทิ้งถิ่นฐาน แต่คนทิ้งถิ่นฐานโดยไม่รู้ตัว พวกเราอยู่ที่นี่ อาจารย์ที่มาที่นี่อาจารย์ก็ทิ้งลูกไว้ที่กรุงเทพอยู่กับแม่บ้านหรือเปล่า อาจารย์ทิ้งถิ่นฐานหรือเปล่า
หรือชาวบ้านเราไปทำงานที่กรุงเทพ ไปหาเงินมาจุนเจือครอบครัว มันทิ้งถิ่นฐานโดยไม่รู้ตัวแล้ว......
เมื่อพูดถึงรายได้ พวกเราก็พากันเข้าใจว่า คนมีเงินเดือน ๑๐,๐๐๐ บาทก็ถือว่ามีรายได้ เดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ที่จริงมันไม่ใช่ เพราะคนที่มีเงินเดือน ๑๐,๐๐๐ บาทเมื่อได้เงินมาแล้วก็ใช้เงินนั้นซื้อนั่นซื้อนี่ จ่าย จ่าย หมดไป แบบนี้ไม่เรียกว่า รายได้ แต่เป็นรายหาย
รายได้คือสิ่งที่มีอยู่ ที่เหลืออยู่ แปลว่า ได้
แต่ถ้ามันหายไป มันจะ ได้ ได้อย่างไร
สำหรับเกษตรกรแล้ว รายได้ แปลว่า ได้เลย เช่น เราปลูกต้นไม้ มันโตวันโตคืนโตตลอด เราเศษใบไม้คลุมดินแล้วใบไม้ก็เปื่อยไปเรื่อย ๆ คลุมดินกลายเป็นหน้าดินทีละเล็กทีละน้อยจนหายไป ดินก็ดีขึ้น เราเลี้ยงปลา ปลาก็แผ่ลูกแผ่หลานเพิ่มออกไป แบบนี้เรียกว่า รายได้.......
แบบนี้จะไม่ให้ โอ้โฮ....ได้อย่างไรคะ
ไม่มีความเห็น