หลังจากที่ตอนที่แล้วได้กล่าวถึงวีรกรรมเหม็นๆ ของนายเมฆ นักเรียนชายตัวผอมๆ ผิวคล้ำๆ แววตาใสซื่อ(ซื่อจริงๆ) การเรียนค่อนข้างอ่อน ตอนขึ้นมาอยู่ ป.2 ใหม่ๆอ่านหนังสือ ทำเลขไม่ได้ แต่ตอนนี้พัฒนาดีขึ้นมากแล้วสามารถอ่านหนังสือได้ดีขึ้นแต่ยังไม่คล่อง คิดเลขได้และค่อนข้างเร็ว (ครูประจำชั้นจะพยายามสอนซ่อมเสริมต่อไป..สู้ตายค่ะ)หลังผ่านวันของนายเมฆมาได้ 3 วัน เรื่องเหม็นๆก็เกิดขึ้นอีก ในวันที่ 18 มกราคม 2550 กับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก เรียนเก่ง ที่ชื่อว่า น้องเพลง เรื่องมีอยู่ว่า.........
ณ.อาคารเรียนเฉลิมพระเกียรติชั้นที่ 2
ครูขา......เพลงร้องไห้หาแม่ค่ะ เป็นเสียงของเด็กนักเรียนหญิง ชั้น ป.2ข คนหนึ่งวิ่งมาบอกกับข้าพเจ้าในขณะที่ข้าพเจ้านั่งรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนครูที่ ห้องเรียนชั้น ป.1 ข้าพเจ้าก็นึกในใจ เอาอีกแล้ว ก่อนหน้านี้เพลงจะร้องไห้ตามแม่กลับบ้านทุกวัน จนเป็นที่เลื่องลือเพราะจะเห็นเพลงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในแถวขณะที่เพื่อนๆร้องเพลงชาติ และเมื่อขึ้นห้องเรียนเพลงก็จะหยุดร้องไห้ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนข้าพเจ้าต้องใช้ไม้ตาย คือ ถามเพลงว่า........เพลง ไม่รักครูใช่ไหม..เพลงถึงร้องไห้ตามแม่กลับบ้านทุกวัน และไม่ว่าเพลงจะทำอะไร ถามอะไร ข้าพเจ้าก็จะพูดว่า เพลงไม่ต้องมายุ่งกับครู เพราะเพลงไม่รักครู ตั้งแต่นั้นมาเพลงก็ไม่เคยร้องไห้ตามแม่กลับบ้านอีกเลย (ดีใจจังเลย)
ในวันที่เกิดเหตุเมื่อมีนักเรียนมาบอกข้าพเจ้าจึงไม่กลับไปดูเพราะคิดว่าเพลงร้องไห้กลับบ้านจริงๆ (ยังนึกเสียใจอยู่..ที่ปล่อยให้เพลงต้องเผชิญปัญหาคนเดียว) จนเมื่อสัญญาณเข้าห้องเรียนในภาคบ่ายดังขึ้น นักเรียนในชั้น ป.2ข ก็ลงไปเรียนวิชาพละ กันหมด ข้าพเจ้าจึงกลับไปที่ห้องเพื่อตรวจงานของเด็กๆ ก็พบเพลงยังนั่งร้องไห้พิงผนังห้องเรียนอยู่ ถามอะไรก็ไม่ตอบ ข้าพเจ้าจึงเดินเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นอึโชยมาแผ่วๆ จึงถามว่าเพลงอึใช่ไหม เพลงก็ส่ายหน้า ถามย้ำอยู่หลายครั้ง เพลงก็ยังส่ายหน้า (สงสัยแสบสนิท..ศิษย์ส่ายหน้าแน่เลย) ข้าพเจ้าจึงต้องพิสูจน์ด้วยการใช้จมูกเข้าไปสูดดมใกล้..กลิ่นมาดามหอมชื่นใจ(เหมือนตัวอะไรน๊า.....) ก็เป็นจริงดังคาดคือ เพลงอึ เพราะกลิ่นมาปะทะจมูกอย่างจัง นั่นแหละเพลงจึงยอมรับ ข้าพเจ้าจึงโทรฯไปหาแม่ของเพลงเพื่อให้นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยน เพราะบ้านอยู่ใกล้โรงเรียน แต่ปรากฏว่า ติดต่อไปหลายครั้งมากก็ไม่รับสาย (ทราบภายหลังว่าไปตลาด) เอาล่ะสิจะทำอย่างไรดี เพราะถ้านักเรียนคนอื่นกลับขึ้นมาเป็นเรื่องแน่เพราะคงจะอยู่ในห้องกันไม่ได้ และเพลงก็คงจะอาย ข้าพเจ้าจึงให้ไปชำระล้างร่างกายและไปขอยืมกางเกงจากชั้นอนุบาลมาให้เพลงใส่ (โล่งอกไปที)
และเมื่อเพื่อนนักเรียนกลับขึ้นห้องมาก็ตามสไตล์เขาเป็นเด็กเจ้าปัญหากันทั้งห้อง ครูครับผมว่าห้องเรามีกลิ่นเหม็นๆนะครับ ครูคะ..หนูก็ว่าจริงค่ะ ข้าพเจ้าจึงต้องแปลงกายเป็น...เด็กเลี้ยงแกะ โกหกไปว่าเพลงอ้วก(เอามุขนายเมฆมาใช้) แน่ะยังสงสัยกันอีก ครูครับ..แต่ผมว่ากลิ่นมันเหมือนอึเลยนะครับ(จมูกดีจริงๆอุตส่าห์ทำลายหลักฐานแล้วนะ..สงสัยกลิ่นติดตรงที่เพลงนั่งก่อนไปล้างแน่เลย) ข้าพเจ้าบอกว่า อ้วกจริงๆ อย่าคิดมาก ครูบอกว่าอ้วกก็อ้วก(แกล้งแปลงร่างเป็นแม่มด) นั่นแหละจึงยุติปัญหา ทำให้เพลงสามารถนั่งเรียนได้อย่างมีความสุขโดยที่เพื่อนไม่ล้อ เข้าสู่สภาวะปกติได้ซะที (เฮ่อ...รอดไปอีกวัน)
การเป็นครูประจำชั้น บางครั้งเราก็จำเป็นต้องโกหกบ้างเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเปราะบางสำหรับจิตใจเด็ก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง
ด้วยเกียรติของข้า(ลูกเสือ.....ชูสามนิ้ว) ข้าสัญญาว่า..ต่อไปนี้จะไม่โกหกเด็กๆอีก..ถ้าไม่จำเป็น
ได้เวลาครูประจำชั้นไป อ้วกบ้างล่ะ(เก็บกลิ่นไว้เยอะ)
สวัสดีค่ะ คุณครูตุ๊กแก
ในฐานะที่เป็นแม่ของลูกสาว ที่อยู่ชั้นประถม 3 และชั้นอนุบาล 2 คงต้องมาอ่านบันทึกคุณครูบ่อย ๆแล้วหละคะ เผื่อจะได้รู้พฤติกรรมของเด็ก ๆเพิ่มขึ้น และที่สำคัญขอมาเรียนรู้จิตวิทยา จากคุณครูด้วยนะคะ
อ้อ อยากให้คุณครูเล่าเรื่อง รักในห้องเรียนด้วยหนะคะ ไม่ทราบว่า เด็กวัยนี้ เขาเริ่มมีพฤติกรรมแบบนี้บ้างรึยัง เพื่อจะได้นำเรื่องของลูกสาว มาแชร์ประสบการณ์บ้างหนะคะ
สวัสดีค่ะ คุณ รัตติยา เขียวแป้น
มาเยี่ยมเยือนค่ะ
ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย.....ท่านๆ ข้างบนช่วยสูดไปหมดแล้ว อิอิ
น้องเพลงร้องไห้เฉพาะตอนเข้าแถวและเพื่อนร้องเพลงชาติ...ลึกซึ้งมากค่ะ....ถ้าจะซาบซึ้งว่ายังมีเพลงชาติให้ร้องอยู่ก็ได้นะคะ...
สวัสดีค่ะคุณจันทรรัตน์