นักศึกษาของผมบันทึกงานที่เขาไปทำโครงงานในวิชาที่ผมสอนครับ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจทีเดียว บุคคลทั่วไปเชิญอ่าน ส่วน "ท่าน" ที่เรียกตัวเองว่า "ราษฎรอาวุโส" ต้องอ่าน
อ่านบันทึกนี้ก่อนครับ ไปเก็บข้อมูลทำ Project มา ....... สุดยอด
และนี่บันทึกของนักศึกษาในกลุ่ม
วันนี้กับโปรเจค...ไปโรงเรียนวัดบ้านไร่
ประสบการณ์..........โรงเรียนวัดบ้านไร่
ผมเป็นคนแปลกครับ ผมชอบคนทำงานจริง ผมไม่ชอบพวกนั่งในหอคอยงาช้าง เอาแต่วางแผน แต่ไม่ทำงาน แล้วพอแผนที่ฝันเฟื่องไว้ (ซึ่งไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความจริง เพราะตัวเองไม่เคยลงพื้นที่จริงจัง ยกเว้นตามโรงแรมหรูในเมือง) ไม่เป็นตามที่คิดก็โทษคนอื่น
พวกนี้ต้องจับมาให้ตามรับใช้นักศึกษาทั้ง 9 คนของกลุ่มนี้เสียให้เข็ด
ประเทศไทยมีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง ผมมีความเห็นส่วนตัวที่มีอคติกับคนกลุ่มนี้มาก คนกลุ่มนี้จะ
plan - ชอบมาก บางคนถึงบอกทำนองว่า "ผมหน่ะ เป็นนักวางกลยุทธ ไม่ได้เป็นคนทำงานหรอก" แล้วภาคภูมิใจกับประโยคนี้มาก ในขณะที่คนทั่วไปสะอึกกันเป็นแถบๆ แล้วท่านผู้ชอบ plan ก็เที่ยววางแผนให้ชาวบ้านเรื่อยเจื้อยไปเรื่อยๆ แต่พอใครไม่ยอมทำตามก็โกรธ แล้วหาว่าเขาโง่ด้วยวาทะศิลป์อันแยบยล
do - ไม่ทำ แต่มีความสามารถในการหาเหตุผลร้อยแปดประการมาบอกว่าทำไมตัวเองไม่ทำ เป็นพวกมีความคิดสร้างสรรค์ในการหลบเลี่ยงการทำงานจริง คนหัวอ่อนถึงขั้นหลงเชื่อกันทั่วบ้านทั่วเมือง
check - นี่ก็ชอบ ตรวจสอบข้อผิดพลาดของชาวบ้านนี่เก่งมาก สนุกมาก งานไหนขอให้บอก ท่านไปหมด ยิ่งได้ประจานข้อผิดพลาดชาวบ้านออกทีวีหรือลงหนังสือพิมพ์แล้วยิ่งชอบเป็นพิเศษ
act - นี่ชอบสุดๆ เร็วด้วย ถ้าบังเอิญมีความสำเร็จอะไรขึ้นมาจากกลุ่มบริวารแวดล้อม พวกนี้รีบเสนอหน้าทันที "ความคิดผม ความคิดผม" จะรีบโทรศัพท์ไปบอกหนังสือพิมพ์ให้มาทำข่าวทันที คนทำงานจริงปากอ้าตาค้างถูกแย่งความสำเร็จซึ่งหน้า แต่บางคนหัวอ่อนกลับกลายเชื่อไปเสียอีกว่าเป็น "ความคิดท่าน แต่ท่านไม่ได้บอกตรงๆ ท่านสอนให้คิดเอง" อ้าว...
ผมขอท้านะครับ ท่าน senile citizens ทั้งหลายถ้าแน่จริงก็ลองลงพื้นที่ตัวเปล่าอย่างนักศึกษาผมหน่อย อย่าดีแต่พูดออกทีวี จะมาเมื่อไหร่ขอให้บอก เดี๋ยวผมจะลงทุนออกเงินส่วนตัวซื้อตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่ง (เพราะชั้นธรรมดาท่านไม่นั่ง แต่ท่านไม่บอกตรงๆ) ให้
ส่วนนักศึกษาทั้ง 9 คนครับ สิ่งที่คุณทำวันนี้แม้ใครจะบอกว่าเล็กน้อย แต่คุณเป็นวีรสตรีและวีรบุรุษของผมและใครอีกหลายคนแล้ว งานที่ผมให้คุณ "make a difference in our society with technology" ผมนึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะทำถึงเพียงนี้ เข้าไปในพื้นที่ อ.จะนะ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงถึงอย่างนี้ครับ
พวกคุณยิ่งใหญ่ครับ แม้พวกคุณจะอายุเท่านี้ แต่พวกคุณเป็น distinguished citizens ของประเทศไทยตัวจริง
คนแก่บางคนผมไม่ไหว้ แต่วันจันทร์นี้เจอกันในห้องเรียนผมจะไหว้คุณ
สวัสดีครับ
ถ้าจะพูดถึงในความเป็นจริงของความรู้สึกลึก ๆ ของผม(หลังจากที่ผมได้มาทำงาน)แล้วล่ะก็
"สังคมการเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นเป็นสังคมที่ค่อนข้างงดงาม แต่เป็นไปได้ยาก"
ไม่ได้รู้สึกไม่ดีแต่อย่างใด ผมเองก็เป็นคนที่ทำกิจกรรมนักศึกษาในส่วนของกลุ่มชมรมบำเพ็ญประโยชน์ ตอนนั้นผมมุ่งทำงานอยู่อย่างเดียวว่า "สังคมต้องดีขึ้น" เราอยากให้ชุมชนได้ประโยชน์จากเรานะ และมีน้อยมากที่ท้ายที่สุดคนกลุ่มนี้ก็ทำงานพัฒนาชนบทโดยมีค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด แต่ก็ทำด้วยความสุข
หลังจากที่ผมได้ทำงานแล้ว ทำให้ผมได้เรียนรู้อย่างหนึ่งว่า มีแรงผลักดันอย่างหนึ่งที่ทำให้เราดำเนินชีวิต คือ การเอาตัวรอดในสังคมจริง ที่ไม่ได้มีคนที่บริสุทธ์ใจต่อเรานัก แรงขับดันทางการเงินที่เราหยุดไม่ได้
ที่ผมอยากเห็นก็คือ "คนทำงานที่มีแนวคิดอย่างนักศึกษาเหล่านั้น" สังคมคงดีขึ้นเยอะ
สุดยอด เลยครับ
เจริญพร
อ่านบันทึกนี่ของอาจารย์แล้ว รู้สึกดีมากค่ะ มันทำให้พวกเรามีกำลังใจและมั่นใจว่าการทำโปรเจคครั้งนี้ต้องไปได้สวยอย่างแน่นอน
คนเราก็มีอยู่หลายกลุ่ม จะทำยังไงได้หล่ะค่ะ นอกจากจะยอมรับกับมัน แต่ก็คิดเหมือนกันว่าแล้ว เมื่อไหร่คนเหล่านั้นที่อาจารย์ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้นจะหมดไปแล้วก็ช่วยกันพัฒนาประเทศหรือ เปลี่ยนตัวเองก็ได้ให้มันดีขึ้น ประเทศชาติจะได้เจริญทันประเทศเพื่อนบ้านกะเค้ามั้ง ไม่อย่างนั้นก็คงต้องจมปลักอยู่อย่างนี้
ตามไปอ่านบันทึกเด็กๆ แล้ว ขอชื่นชมด้วยคนค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ได้จากบันทึกของน้องๆเหล่านี้ค่ะ ถ้าเราให้คุณค่ากับความคิดดีเช่นนี้ของพวกเขา และเป็นกำลังใจให้ว่า เราคนทำงานรุ่นพี่รุ่นแม่จะสนับสนุน รวมทั้งเป็นกำลังใจให้ เราคงจะมีคนรุ่นใหม่ที่ช่วยกันผลักดันสังคมไปในทางที่ดีขึ้น มากกว่ามัวแต่ผลักดันตัวเองให้ก้าวหน้านะคะ
.....ไม่รู้จะพูดอย่างไร นอกจากคำว่าขอบคุณอาจารย์และทุกๆ ท่านที่เข้าใจและมองเห็นถึงปัญหาของสิ่งที่พวกเรานำเสนอ รู้สึกมีกำลังใจในการทำ Project อันนี้มากขึ้นเป็นเท่าตัว
อ่านบันทึกอาจารย์แล้วมีกำลังใจในการทำงาน Project ครั้งนี การไปจะนะมันเสี่ยงก็จริงค่ะแต่ตลอดการเดินทางทุกคนเป็นมิตรมากเลยค่ะ เริ่มตั้งแต่คนขับรถสองแถว ถามอะไรเค้าก็บอกและแนะนำดีมากเลย และพอไปถึงโรงเรียนก็ไม่มีความรู้สึกถึงความอันตรายเลยค่ะ เพราะทุกคนต้อนรับดีมากเลย และทีสำคัญน้องๆยังอยู่กันได้เราไปแค่นั้นนิดเดียวเอง
ถ้าผู้ใหญ่ที่เขารับผิดชอบลงมาเห็นที่น้องๆว่าเป็นยังไง ไม่รู้ว่าเขาจะยังทะเลาะเพื่ออำนาจของตนเองอีกมั้ยนะคะ เมื่อไรคนที่อาจารย์พูดถึงจะหมดจากประเทศไทยสักที