ป้าเจี๊ยบทำอาหารเลี้ยงสมาชิกในครอบครัวทุกวันเสาร์เป็นเวลาต่อเนื่องกันมา 15 ปีแล้วค่ะ เริ่มมาตั้งแต่คุณแม่ได้รับการตรวจพบว่าไตวายและจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 3 ปี ลูกๆ หลานๆ ทุกคนจึงนัดมากินข้าวที่บ้านคุณแม่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันทุกวันเสาร์ ซึ่งทำให้คุณแม่มีความสุขมาก และมีชีวิตอยู่เกินเวลาที่หมอกำหนดไว้เกือบครึ่งปี หลังจากท่านเสีย เราก็ยังคงธรรมเนียมนี้ไว้ และปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี ปัจจุบันมีสมาชิก 19 คน เราเรียกวันเสาร์ว่า “Family day”
การทำอาหารเลี้ยงคน 19 คนทุกสัปดาห์ทำให้ป้าเจี๊ยบต้องจัดเมนูที่ถูกใจสมาชิกและคำนึงถึงสุขภาพของทุกคนด้วย และที่สำคัญคือ ป้าเจี๊ยบเป็นโรคตามใจสมาชิกในครอบครัวเรื่องกินค่ะ ใครอยากกินอะไร ก็พยายามทำให้ เรื่องออกไปกินนอกบ้านไม่อยู่ในความคิด
ป้าเจี๊ยบทำให้สมาชิกติดนิสัยไปโดยปริยาย เมื่อก่อนมีการสั่งเมนูที่ต้องการกินล่วงหน้า เดี๋ยวนี้ทุกคนตามใจป้าเจี๊ยบ ทำอะไรก็กินได้กินดีทั้งนั้น แต่หลานๆ ชอบที่จะโทรมาถามก่อนว่าเสาร์นี้มีอะไรเป็นเมนูเด็ด
การคิดเมนูของแต่ละเสาร์นั้นบางครั้งคิดไว้ล่วงหน้าแล้วก็ไม่ได้ทำหรอกค่ะ เพราะมีตัวแปรคือราคาของวัตถุดิบ การเลี้ยงคนจำนวนมาก จ่ายฟุ่มเฟือยไม่ได้หรอกค่ะ แต่ต้องมีอาหารอร่อยๆ ให้ทุกคนกินได้ในราคาแบบพอเพียงค่ะ
หมูม้วนผักโขมนี้จัดว่าเป็นนวัตกรรมของป้าเจี๊ยบเลยนะคะ เพราะว่าไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อไปตลาดพบว่าราคาเนื้อหมูสันนอกอนามัยของซีพีแพคไว้เป็นเส้นสวยงามราคากิโลกรัมละแค่ 79 บาท ป้าเจี๊ยบก็ตาโต หยิบส่งให้พนักงานชั่งเลยค่ะ ประมาณ 4 กิโลกรัม ส่วนผักโขม (spinach) มีขายแบบแช่แข็ง ลดราคาอีกเหมือนกัน ถุงละหนึ่งกิโลกรัม ราคาแค่ 69 บาท หยิบใส่รถเข็นทันที
กลับมาก็ลงมือทำตามที่คิดไว้ ลงมือแล่หมูแบบที่ทำให้แผ่ออกเป็นแผ่นสีเหลี่ยมผืนผ้า ในลักษณะคล้ายๆกับที่เคยเห็นคนญี่ปุ่นปอกหัวไชเท้า ก็ได้ออกมาเป็นแผ่นดีค่ะ แต่ไม่เรียบสักเท่าไหร่ เลยใช้ค้อนเหล็ก (อายุเกิน 50 ปี สมบัติตกทอดมาจากคุณแม่) สำหรับทุบเนื้อ มาทุบๆๆ ให้นุ่มและแบนๆ เสมอกัน ทาน้ำมันพืชจนทั่วเพราะเคยได้ยินจากไหนก็จำไม่ได้ว่า จะช่วยให้เนื้อนุ่ม แล้วก็โรยเกลือกับพริกไทย
ต่อมาก็นำผักโขมไปละลายน้ำแข็งในเตาไมโครเวฟ แล้วนำออกมาคลุกเคล้ากับเกลือ พริกไทย ผงซุป ตักใส่ลงบนหมู เกลี่ยจนทั่วและสม่ำเสมอ โรยแป้งข้าวโพดนิดหน่อยเพื่อเวลาม้วนไส้จะได้ติดกันดี คิดว่าอย่างนั้นค่ะ
เวลาม้วนก็ทำเหมือนเวลาที่ตัวเองม้วนข้าวปั้นญี่ปุ่น เพียงแต่ท่อนนี้ใหญ่กว่าแยะ เสื่อไม้ที่มีอยู่เล็กเกิน เลยตัดถุงพลาสติกให้แผ่ออก เอาผ้าขาวบางวางซ้อนทับแทนเสื่อไม้ค่ะ ม้วนเสร็จก็ใช้ผ้านั้นแหละห่อและผูกเชือกหัวท้าย หน้าตาเหมือนท๊อฟฟี่ยักษ์เลยค่ะ
หมูอบส่วนมากจะอบในเตาอบ แต่ป้าเจี๊ยบคิดว่า อาหารนึ่งน่าจะทำให้เนื้อสัตว์นุ่มกว่า ก็จะลองนึ่งดู ปรากฏว่าท๊อฟฟี่ยักษ์ยาวกว่ารังถึง ใส่ลงไปไม่ได้ แฮ่ะๆ ทำไงดีหว่า? รื้อๆค้นๆ ในครัวก็เห็นถาดอะลูมิเนียมสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใช้ได้ เลยหยิบมา 2 ใบ แบบว่าวางหมูม้วนลงไปในใบแรก ใส่น้ำลงไปนิดหน่อย โรยใบกระวาน (bay leaf) ไป 2-3 ใบ แล้วใช้ถาดอีกใบประกบเป็นฝาผิด ตั้งเตาโดยเปิดไฟกลางๆ พอครบ 20 นาทีก็พลิกท๊อฟฟี่ยักษ์ครั้งหนึ่ง พอครบอีก 20 นาทีก็ยกลง
แกะออกมาก็พบว่าหมูม้วนของป้าเจี๊ยบสีซีดสนิท ต้องแต่งตัวให้ซะหน่อย จึงเอาน้ำผึ้งผสมเนยละลายมาทาที่ผิว แล้วเข้าเตาอบต่ออีกพัก พอเห็นว่าสีสวยถูกใจ ก็ยกออกมาค่ะ น้ำที่เหลืออยู่ในถาดก็นำมาทำน้ำเกรวี่ (gravy) สำหรับราดหมูอบ
ป้าเจี๊ยบเสริฟให้กินกับสลัดผักสดนานาชนิด หมูนุ่มอร่อยแค่ไหนก็ดูสีหน้าลุงโจ้ พี่ชายของป้าเจี๊ยบได้ค่ะ ราคาอาหารที่เลี้ยงวันนี้รวมแล้วไม่ถึงพันบาทค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ ถ้าอยู่ใกล้ๆ ก็เชิญมาชิมที่บ้านป้าเจี๊ยบได้เลย เพราะจัดรายการ "กินกันวันเสาร์" เป็นประจำอยู่แล้ว อาจจะไม่ใช่หมูม้วนผักโขม แต่เมนูอื่นก็อา..หย่อย...ค่ะ
คุณ PAN มากรุงเทพเมื่อไหร่ ถ้าตรงกับวันเสาร์ เชิญมากินแล้วผึ่งพุงที่บ้านป้าเจี๊ยบได้เลยนะคะ
อยากเรียนรู้ครับ รับสมัครลูกศิษย์ มั้ยคับ
^_^ เมนูดูดี น่าตาน่ารับประทาน แต่ไม่เชื่อหรอกว่าอร่อย...เราต้องชิม อยากชิมฝีืมอป้าเจี๊ยบจัง...