วันนี้วันพระ


เข้าวัดทำบุญในวันพระ

 วันพระ

วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๐ วันนี้วันพระ

สังคมไทยทุกวันกำลังเข้าสู่ยุคเสื่อมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เนื่องในปีมหามงคลฉลองครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปีของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ข้าพเจ้าจึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกระทำความดีถวายเป็นพระราชกุศล ด้วยการเข้าวัดทำบุญในวันพระ อย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง

การเข้าวัดทำบุญ ไม่เพียงแต่จะพบแต่สิ่งดีงามและญาติธรรมเท่านั้น หากมองในแง่เศรษฐกิจแล้ว หากพุทธศาสนิกชนช่วยกันทำบุญในทุกวันพระแล้ว จะเกิดการไหลเวียนของเงินตรามหาศาล อาทิ การจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อข้าวปลาอาหาร ดอกไม้ธูปเทียน การร่วมบริจาคทำบุญ ทำทาน ฯลฯ ทำให้เศรษฐกิจของชาติไม่หยุดชงัก ตลอดทั้งปี

นี่คืออานิสงส์ของการทำบุญ...เรามาช่วยกันเถิดครับ

 
เขียนไว้เมื่อ ๕ พฤษคาคม ๒๕๔๙
วันนี้ถือว่าเป็นวันดีของคนไทยคือนอกจากจะเป็นวันฉัตรมงคลแล้ว ยังเป็นวันพระอีกด้วย ที่สำคัญคือเป็นวันหยุดปีนี้ได้ตั้งใจไว้ว่าจะพยายามไปไหว้พระทำบุญในวันพระให้ได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าวันพระบางวันจะไม่ตรงกับวันหยุดขอให้ได้ไปทำบุญใส่บาตร แต่ถ้าวันพระไหนตรงกับวันหยุดก็จะอยู่ฟังธรรมเทศนา
เมื่อครั้งอยู่กรุงเทพฯ เคยเป็นเด็กกรุงเทพฯ อยู่ ๑๒ ปี เคยพักร่วมห้องกับเพื่อนนิสิตฯ ที่เป็นมุสลิมอยู่ ๒ ปี ทุกวันศุกร์ เพื่อนผมคนนี้จะต้องไปทำพิธีละหมาดไม่เคยขาด และในเดือนทีถือศีลอด พวกเราก็จะได้กลิ่นอาหารก่อนพระอาทิตย์ขึ้น บางหนเพื่อนของเพื่อนที่เป็นมุสลิมมาค้างที่ห้อง ตอนเช้าเราก็จะเห็นเพื่อนๆ ลุกขึ้นมาทำละหมาด
เพื่อนที่เรียนด้วยกันก็มีคริสตังและคริสเตียน ทุกวันอาทิตย์ เพื่อนของผมก็จะไปทำพิธีทางศาสนาที่โบสถ์เป็นประจำ
ผมมีเพื่อนเป็นพุทธศาสนิกชนมากที่สุด ผมไม่ค่อยเห็นเพื่อนๆ รุ่นผมไปวัดทำบุญกันในวันพระเท่าไหร่นัก
เมื่อก่อนตอนผมเด็กๆ จะมีเพลงหนึ่งที่เปิดทุกวันพระ มีเนื้อเรื่องที่ยังจำท่อนนี้ได้มาจนบัดนี้
"วันพระชาวพุทธควรหยุดเหล้า หยุดมึนเมาวันพระสร้างบุญเถิดหนา"
เดี๋ยวนี้ วันพระก็วันพระเถอะ พุทธศาสนิกชนถือว่าเป็นเรื่องของพระ เราจึงได้เห็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ทั้งหญิงชายนั่งกันเต็มร้านเหล้า
เร็วๆ นี้ มีงานวิจัยของหน่วยงานหนึ่งบอกว่าสังคมไทยมีทุกข์มาก ... ก็น่าอยู่หรอก
เวลาผมไปวัดในวันพระทีไร มันจะได้ความรู้สึกแบบหนึ่งที่ข้างนอกวัดไม่ค่อยมีคือ ความรู้สึกอิ่มใจ ปิติเพราะผมเชื่อว่า คนที่ไปวัดนั้น คือการไปทำบุญ และทุกคนก็จะมีแต่จิตใจที่อิ่มบุญ คือไปให้ ฝึกการให้
ฝึกการแผ่เมตตา ได้รับฟังหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์
และผมก็สังเกตว่า คนรุ่นใหม่เข้าวัดน้อยมาก เพื่อให้สมกับยุคโลกาภิวัตน์หรือเปล่าผมไม่ทราบ คนรุ่นใหม่ชอบอ้างยุคโลกาภิวัตน์ ว่าโลกไปถึงไหนแล้ว...ยังต้องไปวัดอีกหรือ
ยังต้องไปครับ ต้องไปกันทุกคนแน่ แต่จะไปแบบมีคนหามไปหรือว่าไปแบบปิติ ก็สุดแท้แต่
สังคมไทยปัจจุบัน กำลังอยู่ตกอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง สัปดาห์หน้าประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานวันวิสาขโลก และรัฐเองก็ภูมิใจหนักหนาว่าเมื่องไทยเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาของโลก
แต่ในสภาพการณ์แล้ว เป็นได้แค่ชื่อหรือเปลือกนอกเท่านั้นเราคนไทยได้ช่วยกันให้สมกับเป็นเมืองพุทธศาสนาแห่งโลกแล้วหรือ
ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ไม่ทำตัวเป็นตัวอย่าง ยังมาทะเลาะเบาะแว้ง แสวงหาอำนาจที่ไม่สามารถติดตัวไปได้ตลอด
น่าคิดนะครับ ถ้าผู้หลักผู้ใหญ่เอาธรรมะมาปฏิบัติเสียบ้าง ไม่สักแต่ว่าพูดแต่ปาก ให้เข้าทำนอง
มือถือสาก ปากถือศีล บ้านเมืองเราก็จงจะไปได้ดีกว่านี้
เพราะผมเองเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพพร้อมมากไม่แพ้ประเทศใดในโลก
เรื่องของการสร้างความเจริญทางด้านจิตใจ เดี๋ยวนี้คนไทยเรามองข้ามไปมากเหลือเกิน เพราะมุ่งเน้นสร้างวัตถุ อวดแข่งกันมากเกินไป คุณภาพทางด้านจิตใจและศีลธรรมของคนไทยจึงเสื่อมถอยลงอย่างเห็นได้ชัด คงไม่ต้องยกตัวอย่างให้เห็นนะครับ
เคยมีข้อเสนอจากกลุ่มคนที่มองเห็นความสำคัญของวันพระว่า หากเป็นไปได้ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหรือในองค์กรต้องทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง
แต่ก็เปล่าเลย
เอาให้แคบก็ได้ ผมมีความเห็นเหมือนกับหลายๆ คนที่เป็นห่วงศีลธรรมของคนในชาติ คือว่า ทุกวันพระถ้าหน่วยงาน องค์กร และโดยเฉพาะสถานศึกษา ถ้าผู้บริหารเห็นความสำคัญของการพัฒนาจิตใจของเยาวชน แนวคิดก็คือ
ถ้าวันพระใดตรงกับวันทำงาน ก็ให้นักเรียน นักศึกษา หรือพนักงาน เจ้าหน้าได้ไปทำบุญที่วัด ก่อนจะมา
ทำงานหรือเข้าเรียนก็ได้ โดยไปทำที่วัดที่ใกล้ที่สุด
จากการปฏิบัติของผมและหลายๆ คนที่ผมเห็น ถ้าวันพระ เราก็จะตื่นเช้ากว่าปกติ ตระเตรียมสำรับกับข้าวให้เรียบร้อยและไปถึงวัดก่อน ๗.๓๐ น. ใช้เวลาทำบุญใส่บาตร ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ไปทำงาน
และตั้งจิตอธิษฐานว่าทั้งวันพระนี้จะพยายามทำตัวเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี และถ้าเป็นไปได้ ก็พยายามทำให้ได้ทุกวัน
อย่างน้อยในหนึ่งวันของสัปดาห์ก็ทำให้จิตก็คิดดีทั้งวัน
ถ้าหากหน่วยงานติดขัดจริงๆ ไม่สามารถอนุโลมได้ เพราะกลัวเสียเวลาทำมาหากิน ไปเร่งสร้างอย่างอื่นก่อน เรื่องคุณธรรม จิตใจเอาไว้ทีหลัง เพราะยุคนี้มันเป็นยุคของการแข่งขัน
มัวแต่คิดเรื่องธรรมะ เสียเวลาทำมาหากินหมด แล้วจะไปทันโลกได้อย่างไร
นั่นก็สุดแท้แต่ความคิดของผู้บริหารนะครับ
แต่ถ้าหากคิดจะทำกันจริงๆ ไม่ต้องเอาทุกวันพระก็ได้ เอาอย่างน้อย เดือนละครั้งก็ได้ และถ้าไปวัดไม่ได้จริง แต่อยากจะทำ ก็มีทางออกคือ
นิมนต์พระมารับบิณฑบาตและเทศนาให้ฟัง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายแต่ประการใด
คำสอนของพระพุทธองค์นั้น มั่นคงมากว่า ๒,๕๐๐ ปีแล้ว และจะคงมั่นเป็นสัจธรรมต่อไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ที่จะนำไปปฏิบัติเท่านั้นเอง
เราต้องช่วยกันครับ ถ้าเป็นไปได้ ทำให้ถึงกับสร้างเครือข่ายคนไปวัดทุกวันพระก็ได้
คนยิ่งไปวัดทำบุญมากเท่าไร นั่นย่อมหมายถึงความสงบสุขของสังคมก็จะเกิดขึ้นในไม่ช้า
ทุกวันนี้ จะเห็นได้ว่าคนไทยส่วนหนึ่งนิยมไปท่องเที่ยว สปป.ลาว เพื่อไปดูวิถีชีวิตของคนลาวที่สงบสุขและเรียบง่าย
แต่หากย้อนนึกกลับไปในอดีตเมื่อ ๓๐ กว่าปีที่ผ่านมาสังคมชนบทไทยก็ไม่ได้ต่างจากลาวในปัจจุบันมากนัก
ความสุข ความสงบแบบนี้เริ่มหายไป เพราะคนไทยเป็นคนทำลายมันเอง
แต่ก็ยังไม่สายเกินไปครับ ที่จะมาเริ่มต้นกันใหม่
เอาละครับ เขียนมาซะยืดยาวแค่จะถามว่า
มีใครไปไหว้พระทำบุญในวันพระบ้างครับ
ด้วยจิตคารวะ
กระดานดำออนไลน์
คำสำคัญ (Tags): #วันพระ#ธรรมะ
หมายเลขบันทึก: 73212เขียนเมื่อ 18 มกราคม 2007 10:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มีนาคม 2012 14:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท