เริ่มแรกที่ผมรู้จักและเรียรรู้พระพุทธศาสนา คือการได้ติดตามพ่อไปทำบุญพิธีต่างๆ โดยเฉพาะที่วัด (เพราะพ่อเคยเป็นมหาครับ) หลังจากนั้นก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากนัก แต่เริ่มอ่านเป็นเรื่องราวคือตอนที่เรียนชั้นมัธยมต้น ผมเรียนรู้ธรรมะจากวิชาพระพุทธศาสนาครับ เป็นวิชาที่ชอบมาก สนุกดี และผมก็ได้เกรด 4 ตลอดด้วย (ขอบคุณวิชานี้ที่ช่วยทำให้เกรดเฉลี่ยดี) ตอนนั้นผมสนใจธรรมะที่จะช่วยทำให้ตัวเองเป็นคนที่ดี เป็นคนที่รู้และเข้าใจเรื่องราวความจริงบางอย่างที่บางครั้งเกิดความคิดแว๊บๆขึ้นมา เช่นคนดี คนไม่ดี หรือเรื่องไหนบ้างที่สอนให้ทำอะไรสำเร็จได้ เช่นอิทธิบาท 4 ก็จะอ่านๆ เพื่อนคนอื่นอ่านเพื่อสอบแต่ผมเพิ่มเติมคือเรียนรู้ด้วยและพยามจำครับ
และช่วงที่มาเรียน ม.ปลายที่โรงเรียนประจำจังหวัด ก็ได้เข้าชมรมพุทธและเป็นสมาชิกของยุวพุทธิกสมาคมของจังหวัด รวมทั้งร่วมกิจกรรมทำบุญกับคุณครูที่สอนวิชาพระพุทธศาสนาหลายท่าน เช่นการไปทำสังฆทานที่วัดต่างๆเดือนละ 2 ครั้ง อีกทั้งช่วงที่เรียนม.ปลายก็เอาแต่เรียนและตั้งใจเรียนมาก ไม่เที่ยวไม่ค่อยเล่น จึงยึดเอาะรรมะและพุทธรรมเป็นสรณะ นอกเหนือจากการตั้งใจเล่าเรียนมากๆ คือทั้งฝึกสมาธิก่อนนอนตอน5 ทุ่มทุกวันและตอนตี4.30 ที่ต้องตื่นมาท่องตำราเรียน ตอนกลางวันยังใช้เวลาพักเที่ยงศึกษาธรรมะที่ห้องสมุดด้วย ตอนนั้นเริ่มเรียนรู้ภายในตนว่าเป็นอย่างไร และพยามฝึกและฝืนร่างกายให้กระทำในสิ่งที่จะเกิดผลที่ดีกับตนเองให้มากที่สุดคือ ใช้ธรรมะเป็นเข็มทิศของชีวิต ให้เราเดินได้ถูกทางและประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน แต่การเรียนรู้ครั้งนั้นไม่แบบปรมัตถ เป็นแบบโลกียะคือทำบุญเพื่อหวังผลตอบแทนเหมือนกัน เพราะว่ายึดแนวคิดเรื่องกุศลกรรมบท 10 มาก ว่ายิ่งทำยิ่งได้บุญ การอ่านธรรมะ การฟังธรรม การไปทำบุญ การสอนแนะนำธรรมะ การพ฿ดดี คิดดี กระทำดี ล้วนได้บุญ ทั้งตอนนั้นก็ท่องชิญบัญชรทุกๆวัน(บางครั้งหลายรอบมา) เพื่อต่างหวังว่าผลบุญต่างๆที่เราทำตอนนั้น พร้อมทั้งการตั้งใจเล่าเรียนจะทำให้เราประสบผลสำเร็จในชีวิตได้
และก้อคิดว่าชีวิตน่าจะมาถูกทางพอสมควร เพราะว่าสิ่งที่ทำนั้นเพียง3 ปีก็เห็นผลเพราะว่าทำให้สามารถสอบเข้าคฯแพทย์ได้ เริ่มที่โค้วต้า มข. แต่ว่าครั้งนั้นพ่อ-แม่ไม่ให้เรียนเพราะว่ากลัวจะขายนาหมดก็ส่งลูกเรียนไม่จบ จึงได้เรียนทุนวิทยาศาสตร์ 1 ปี หลังจากนั้นจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้งและได้เรียนที่คณะแพทย์ เชียงใหม่
ช่วงที่เรียนถือว่าโชคดีมากที่ได้รับทุกการศึกษาจาก2 ทางคือ จากหลวงพ่อที่กรุงเทพ วัดปทุมวนาราม และทุนจากมูลนิธิจุมภฏ-พันทิพย์ทำให้สามารถเรียนมาจนจบได้ครับ ผมมองว่าผลบุญก็ติดจรวจได้เช่นกันนะครับ..........
อนุโมทนาค่ะ คุณหมอ
บุญจะส่งผลเร็วหรือช้า่ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยน่ะค่ะ
นี่ก็จำจากครูบาอาจารย์ที่ไปเรียนมาที่มูลนิธิศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่อีกทีน่ะนะคะ
เห็นบอกว่ายังไม่เคยฝึกแบบปรมัตถ์?
ถ้ายัง ก็ลองดูนะคะ คอร์ส ๗ วัน ข้าราชการไปได้ไม่นับเป็นวันลาค่ะ ฟรีหมดด้วยที่นั่น
อาจารย์ที่สอนอยู่ก็เขียนบล๊อกอยู่ที่นี่ค่ะ ท่านเป็๋นคณบดีมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.ราชภัฎเชียงใหม่ค่ะ ชื่ออ.พิชัย กรรณกุลสุนทร
อุ๊ย ขอโทษทีค่ะ ตัวแถบสีมันทึบไปด้วย อ่านไม่ชัด เดี๋ยวพิมพ์ให้ใหม่นะคะ
เดิมเขียนไว้ว่า
อาจารย์ที่สอนวิปัสสนาก็เขียนบล็อกอยู่ที่นี่ ด้วยค่ะ ุี๊ั
อืม หมอก็สนใจธรรมะเหมือนกันเหรอเนี่ย พวกเราคงเห็นเกิดแก่เจ็บตายกันประจำแหละเนอะ
ลองหาโอกาสไปปฏิบัติธรรมดูสิคะ จะแจ่มแจ้งแดงแจ๋กว่าอ่านหนังสือเยอะเลยค่ะ คุณน้องขา