ไม่ได้เข้ามาเขียนบันทึกซะนาน..... ไม่ได้ขี้เกียจหรอกครับ แต่เพลีย และเหนื่อยกับเทศกาลวันเด็กของโรงเรียนครับ ตามความตั้งใจที่เข้ามาขอเป็นพ่องานรับทำกิจกรรมวันเด็กก็เพื่อหาเงินมาจัดซื้อเครื่องเล่นให้กับเด็กอนุบาล กับนักเรียนประถมต้น รวมทั้งหาของขวัญมาให้เด็กนักเรียนให้ได้เยอะที่สุดครับ
โชคดีที่มีผู้มีจิตศรัทธาแจ้งความจำนง จะมอบเครื่องเล่นให้กับเด็กๆ แล้ว (ตอนนี้ยังไม่ได้มอบ ถ้ามอบเมื่อไหร่ ผมจะลงสรรเสริญความดีในบันทึกนี้แน่นอน) ปีนี้เราใช้หว่านจดหมายเป็นส่วนใหญ่ ไปยังหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งผู้มีอุปการคุณในบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ที่โรงเรียนตั้งอยู่ ก็ได้ผลสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่เงินบริจาคและของขวัญส่วนหนึ่งก็มาจากผู้ปกครองของนักเรียน และครูในโรงเรียนเช่นเคยครับ
บอกแล้วไงครับ เหนื่อย แต่ก็มีความสุขครับ เพราะปีที่โรงเรียนของเราได้ของขวัญวันเด็กมากกว่าทุกปี และได้เงินบริจาคเยอะเป็นประวัติการณ์ เด็กๆ มีความสุข สนุกสนาน ทุกคนมีความสุข ความอิ่มเอมใจของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงมาบดบังความเหน็ดเหนื่อยไปจนหมดสิ้น
ผมเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะมีความรู้สึกแบบนี้เช่นกันนะครับ การที่เราทำอะไรแล้ว เราเต็มที่กับมันแล้ว เราจงภูมิใจเถอะว่างานที่เราทำด้วยความตั้งใจทุกครั้ง มันจะสำเร็จตั้งแต่เราเริ่มลงมือทำแล้วครับ สิ่งที่ได้ตามมา แม้บางครั้งจะไม่สวยหรูเท่าไรนัก แต่มันก็เป็นสิ่งที่เราได้ทำเต็มความสามารถของเราแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประสบการณ์ในการที่จะทำให้การทำงานครั้งต่อไปมีความสำเร็จยิ่งขึ้น
ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ที่ตั้งใจทำงาน และกำลังเหน็ดเหนื่อยในขณะนี้ ผลของความเหนื่อยจะทำให้คุณรู้สึกมีคุณค่า และมีความสุขในลำดับต่อไป......................
ผมมีความสุขกับ "เหงื่อ" เช่นเดียวกัน
ผมถือว่าการไม่มีเหงื่อเป็นเรื่องทรมาน และน่าเสียดาย ในชีวิตของคนคนหนึ่งครับ
เหงื่อ คือน้ำมนต์
เหงื่อทำให้ กายผ่องใส .. ใจเป็นสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเหงื่อจากการทำงาน และเป็นงานเพื่อประโยชน์ผู้อื่น .. เหงื่อคือน้ำ "ชำระอัตตา" ชั้นดีอีกด้วยครับ