บริบทมหาชีวาลัยอีสาน


ภาษาพุ่มพวงก็จะบอกว่า.. “นัดพบกันที่หน้าอำเภอ” เราจะไม่เข้าไปในตัวอำเภอ เพราะท่านลุกเจ้าเก้าอี้มายืนรออยู่ด้านหน้าแล้ว..

บริบทมหาชีวาลัยอีสาน

ตอบปัญหาอะไร?

ถาม: งานเชิงรุก และ เชิงลุก เป็นอย่างไรคะ

ตอบ: กรณีตัวอย่างมีหลายเล่มเกวียน ดังจะยกตัวอย่างสดๆร้อนเรื่องเมื่อวานนี้ ก่อนหน้านั้นผมได้รับการนัดหมายทางโทรศัพท์จากปศุสัตว์อำเภอสตึก ว่าจะมีเจ้าหน้าที่จากสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ในภาคอีสานมาเยี่ยมในวันที่16จะมากัน7-8คน ถ้าเป็นกรณีอย่างนี้แสดงว่ามหาชีวาลัยตกเป็นฝ่ายเชิงรับ

  เมื่อถึงวาระเชิงรุก อาคันตุกะคณะนี้มากัน14ชีวิต นำโดยท่านศุภชัย อุตชาชน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นคราชสีมา ลูกทีมประกอบด้วยนายวีระศักดิ์ จิโนแสง หัวหน้าสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ร้อยเอ็ด นายสัญญา อาจสามารถ หัวหน้าสถานีพัฒนาอาหารสัตว์บุรีรัมย์ นายจิระศักดิ์ ดามะนาว เจ้าหน้าที่บริหารงานสัตวบาล มีตัวแทนแผนกต่างๆ6-7คนนับเป็นขบวนขนาดกลาง พวกอิงระบบนี่คุยกันง่าย

  มาถึงก็นั่งล้อมวงคุยกันอย่างญาติไปเยี่ยมเยียนกัน ไม่มีพิธีรีตองอะไร ฝ่ายเรามีนักศึกษาบูรณาการศาสตร์ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย..ต้อนรับขับสู้กันด้วยน้ำใจน้ำฝนเย็นๆ เมื่อเย็นกายเย็นใจแล้วผมก็เล่าถึงพันธกิจของมหาชีวาลัยอีสาน ว่าเรามีแนวทางการทำงานอย่างไร ทำอะไรกันบ้าง ซึ่งก็ไม่ใช่ผมฉอดๆๆอยู่ฝ่ายเดียวนะครับ ในคณะก็สอบถาม  แสดงความคิดเห็น เป็นการจูนใจกันเสียมากกว่า แบไต๋ออกมาให้ดูว่าเรามีอะไร ท่านมีอะไร สุดท้ายก็มาสรุปกันว่าเราจะทดลองทำงานร่วมกันในเรื่องอะไรบ้าง เพราะวัตถุประสงค์ในการออกภาคสนามในครั้งนี้ ก็เพื่อจะมาให้ยินให้เห็นข้อมูลที่สดๆด้วยตัวท่านเอง เป็นการลดขั้นตอนโต้ตอบทางเอกสาร จาก3-4เดือน ลงมาเหลือในเวลา1ชั่วโมง นี่คืออานุภาพของการทำงานเชิงรุกแบบอิงระบบ หลังจากนั้นเราพาคณะเดินชมกิจการด้านปศุสัตว์ชม คอกเลี้ยงไก่ดำ เลี้ยงไก่ไข่ นกกระจอกเทศ สุกร โค และแว๊บไปชมแปลงหญ้าสาธิต

   ครั้งนี้เราได้พันธกรณีร่วมกันว่า มหาชีวาลัยอีสานจะทำแปลงสาธิตเพื่อศึกษาพืชอาหารสัตว์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นหญ้าหรือถั่วชนิดต่างๆ สถานีพัฒนาอาหารสัตว์จะสนับสนุนพันธุ์พืชอาหารสัตว์ตัวอย่างมาให้เราปลูก ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นครราชสีมา รับที่จะอนุเคราะห์คุณภาพพืชอาหารสัตว์และวิจัยเกี่ยวกับสูตรอาหารสัตว์ของเรา และยังเปิดไฟเขียว  รอไว้อีกว่ามีอะไรจะให้ช่วยก็บอกมาเล๊ย! อ้อ!ที่ไม่พูดไม่ได้ เรานัดหมายที่จะติดตามงานที่จะทำร่วมกันผ่านบล็อก บล็อกเริ่มต้นปฏิบัติการอีกแห่งหนึ่งแล้วครับท่านก่อนเดินทางกลับท่านผู้อำนวยการศูนย์ฯยังมีกระเช้าของขวัญมาฝาก เรามีพันธะทางใจไว้ว่า วันหลังท่านจะยกทีมมานอนกินต้มไก่ดำญี่ปุ่นที่นี่ จะมีการไปมาหาสู่กันทั้งตัวบุคลากรและตัววิชาความรู้ รวมทั้งการจัดฝึกอบรมหรือสัมมนาร่วมกันในโอกาสต่อไป

   ถ้าดูในภาพ จะเห็นว่าการทำงานแบบอิงระบบ สามารถจูงใจนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย ผู้อำนวยการโรงเรียน นักศึกษาปริญญาโทปริญญาเอก ผู้นำชุมชน ชาวบ้านนักปฏิบิติ มานั่งยิ้มอย่างชื่นมื่นด้วยกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่เห็นนั่งยิ้ม ที่จริงแล้วกำลังพิมพ์ข้อความส่งบล็อกนะครับ การทำงานนอกระบบจะฉับพลัน ฉับไว  ดุจกามนิตตอนหนุ่มๆ นี่แหละคนที่ชื่อ ดร.แสวง รวยสูงเนิน นักลุยทำงานนอกระบบ..

  ที่เล่ามานี้คือการเชื่อมโยงการทำงานระหว่างวิชาเกินกับวิชาการภายใต้วัฒนธรรมไทย โดยน้อมนำเอาพระราชดำริของในหลวง มาแปลงรหัสสู่ภาคปฏิบัติให้เห็นว่าเศรษฐกิจพอเพียงจะเกิดขึ้นได้ ด้วยพลังความรู้ความคิดของคนไทยมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนอกระบบ ถ้าภาษาพุ่มพวงก็จะบอกว่า.. นัดพบกันที่หน้าอำเภอ เราไม่ต้องเข้าไปในตัวอำเภอ เพราะท่านลุกเจ้าเก้าอี้มายืนรออยู่ด้านหน้าแล้ว..องค์กรใดสำนักใดไม่ลองไม่รู้.. วัฒนธรรมไทยถ้าเอามาปรับใช้กับกระบวนการทำงานแบบภาคีอิงระบบ จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ก่อให้เกิดผลในการเอาปัจจัยที่มีอยู่แล้ว บวกกับพลังใจเข้ากับการทำงานเชิงรุกให้เนื้องานเนียนเป็นทองแผ่นเดียวกัน จะสร้างงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลงานเห็นผลลัพธ์เห็นผลทางใจ เกิดความภูมิใจที่เอาบทบาทหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน ออกสู่ภาคสนามภาคสังคมได้อย่างน่าชื่นชม ดังข้อเขียนที่บันทึกไว้ในสมุดเยี่ยม 

  ข้าพเจ้าทั้งคณะฯ ได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมและแลกเปลี่ยน พร้อมรับฟังแนวความคิดในการพัฒนาด้านการปศุสัตว์ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ มีความยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับแนวทางตลอดจนวิธีการคิด การแปรความคิดให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์ ตลอดจนชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ และยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะให้การสนับสนุนในการคิดและพัฒนางานร่วมกันเพื่อเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรในอนาคต   

  โธ่! ท่านไม่รู้หรอกว่า คณะของท่านนั้นมาโปรยเมล็ดพันธุ์ความรักทิ้งไว้ที่นี่มากมาย เอาไว้วัน..วันดอกรักบานในหัวใจใครทั้งโลก..มหาชีวาลัยจะส่งไปคารวะนะท่านนะ..

     เพื่อให้เห็นว่าบริบทมหาชีวาลัยอีสานช่วยตอบปัญหาอะไร ขออนุญาตยกเอาโจทย์ที่ท่าน ดร.แสวง รวยสูงเนิน กู่ก้องไว้ดังนี้ครับ..

น่าสงสาร ระบบราชการ  และ ชาวบ้าน ที่กำลังเฝ้ารอ และรอ รอ รอ ความหวังอันเลื่อนลอยกับสัญญาลมๆแล้งๆ ของนักวิชาการ ที่จะทำงาน วิจัยเชิงปฏิบัติการ บนเส้นสายของชีวิตจริง และในกระบวนของการประกอบอาชีพของเขา มาแทบตลอดชีวิตเขาเลยล่ะครับ

  เมื่อไหร่ นักวิชาการ จะไปทำ วิจัยเชิงปฏิบัติการ ให้เขาได้ร่วมเรียนรู้ เพื่อจะแก้ไขปัญหาของตัวเองเสียที   เพราะการวิจัยแบบนี้จะลงทุนน้อยที่สุด และได้ผลคุ้มค่ามากที่สุด ที่เหมาะกับภาวะยากจนของสังคมไทย

  สรุปว่า..อย่างนี้ได้ไหมครับ การทำงานอิงระบบ ทำให้คนเบี้ยน้อยหอยน้อย เข้าถึง เข้าได้เข้าเข็ม กับงานวิจัยและพัฒนาของระบบราชการ และบุคลากรราชการเองก็ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสังคมไทย รัฐไม่ต้องเสียเวลาทำบันไดเลื่อนให้ท่านลงมาจากหอคอย..

หมายเลขบันทึก: 73018เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2007 07:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
จะติดตามอ่านงานของ ครูบา คะ.....แฮะๆ อยู่สุรินทร์นี่เองคะ ยังไม่ได้ไป กราบ ครูบา เลยคะ
P ดีใจที่มีวันนี้
วันที่ได้ทราบข่าวคนดีคนเก่งที่ชื่อ ดอกแก้ว
ขอให้เบ่งบานความหวานชื่นให้เต็มป่าจังหวัดสุรินทร์
  • เป็นการทำงานเชิงรุกครับ ถ้าหน่วยงานราชการอีกหลายหน่วยงานทำ ท่าทางจะทำงานสนุกมากกว่านี้ครับ
  • แต่หน่วยงานราชการหลายหน่วยงานมีวิสัยทัศน์มากครับ
  • การดำเนินการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไม่ต้องรอนักวิชาการต่อไปแล้วครับครูบา
      

 

P

ความเห็น 

  • เป็นการทำงานเชิงรุกครับ ถ้าหน่วยงานราชการอีกหลายหน่วยงานทำ ท่าทางจะทำงานสนุกมากกว่านี้ครับ
  • แต่หน่วยงานราชการหลายหน่วยงานมีวิสัยทัศน์มากครับ
  • การดำเนินการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไม่ต้องรอนักวิชาการต่อไปแล้วครับครูบา
  • ตอบ

    จุดริ่มต้น.ในการตั้งไข่

    ก็อยากจะให้ลองมาศึกษาผ่านบล็อกนี่ก่อน  เพื่อจะได้ตัดสินใจว่าการทำงานเชิงรุกถูกกับจริตตัวเองหรือเปล่า เพราะงานมิติทางสังคมนี่ขืนใจกันไม่ได้ แล้วแต่คนชอบ มีอิสระให้การที่จะทำงานเพื่อสังคม แบบอื่นๆ แบบไหนก็ดีทั้งนั้น ที่เสนอนี้เป็นเพียงทางเลิอกหนึ่งที่เราจะรักประเทศไทย ไม่ต้องติดต้องยึดอะไร ขอให้ทำงานในสไตส์ ที่ตัวเองเลือกตัวเองชอบเป็นดีที่สุด เราไม่ว่ากันครับเรื่องนี้ ผมเคารพในสิทธิของทุกท่านเสมอ ยิ่งเรามาแบ่งกันรักประเทศไทยยิ่งดี แต่แบ่งกันปาระเบิดเผาประเทศไม่ดี ครับ 

    • ขอบพระคุณครูบามากครับผม

    ผมว่าเราแยกส่วนจนชิน แทยไม่รู้ว่าการทำงานในระบบนั้นเป็นอย่างไร

    ผมสงสัยว่ามันกำลังจะเป็นวิกฤติทางการพัฒนาการความรู้อีกแบบหนึ่งครับ

    ผมจะลองขยายเรื่องนี้ในโอกาสต่อไปครับ

      ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้

     มหาชีวาลัยจะเสนอวิธีทำงานอิงระบบ ครับ

    จะทยอยเสนอ สะท้อนตัวอย่างที่เราเจอะ เจอ ในภาคสนามของเรา

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท