“บ้านเรือนใดอันบุคคลมุงบังไม่ดี ฝนย่อมตกรั่วรด เหมือนกับจิตของคนที่ไม่ฝึกฝนอบรมให้ดี ย่อมถูกความกำหนัดเพลิดเพลินเข้ายึดครอง ขณะเดียวกัน บ้านเรือนใดอันบุคคลมุงบังอย่างมิดชิดเป็นอย่างดี <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: center" class="MsoNormal" align="center"> ฝนย่อมไม่สามารถที่จะตกรั่วรดได้ เหมือนกับจิตของคนที่ฝึกฝน อบรมมาเป็นอย่างดี ความกำหนัดเพลิดเพลินใดก็ไม่สามารถเข้ายึดครองได้เลย”</p> เราผู้ใฝ่ใจต่อการฝึกฝนความสงบใจ ย่อมเคยได้ยินถ้อยคำหนึ่งว่า “จิตที่ฝึกดีแล้วนำสุขมาให้” ซึ่งก็คล้ายกับเนื้อความด้านบน ที่ว่าบุคคลใดฝึกฝน อบรมจิตมาเป็นอย่างดี ความกำหนัด ความเพลิดเพลินใดก็ไม่สามารถเข้ามาครอบงำเขาได้ เมื่อนั้นเขาแหละจึงมีความสุข ในทางตรงกันข้าม ความกำหนัดและเพลินเพลินจะเข้าครอบงำได้เฉพาะคนที่ไม่เคยฝึกฝน อบรมจิต เราจะวัดได้อย่างไรว่าใครได้ฝึกอบรมจิตมาเป็นอย่างดี อนึ่ง พึงตั้งคำถามว่า “อะไรคือสิ่งที่เราต้องการที่สุด” ในตลาดการค้า บางคนบอกว่าเป็นเงินตรา แต่ในที่นี้ขอใช้แนวความคิดของผู้รู้ท่านหนึ่งที่ว่า สิ่งที่ต้องการที่สุดของคนไม่ใช่เงินตรา หากแต่เป็นความท้าทาย ดังนั้น คนจำนวนมากเมื่อมีเกมอะไรบางอย่าง หรือแผนการบางอย่าง หรือใครบางคนที่ท้าทาย สิ่งนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความต้องการชนะเพื่อให้สังคมตลอดถึงตนเองได้ ประจักษ์ว่าสิ่งนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าความสามารถของตนที่จะทำได้ แล้วเขาก็สามารถทำสิ่งที่ท้าทายนั้นให้กลายเป็นเรื่องธรรมดาของเขา แน่นอนเขาเป็นเบอร์ ๑ แต่เขาจะเป็นอันดับสุดท้ายเมื่อเอาความไม่มีความกำหนัดเข้ามาเป็นตัวชี้วัด เราผู้เป็นเบอร์ ๑ ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่กลัวการถูกทำลายสถิติ และเมื่อถูกท้าทายอีก เราก็อยากที่จะเหนือกว่าเบอร์ ๑ เพราะความอยากของมนุษย์ไม่เคยสิ้นสุดตราบเท่าที่จิตยังไม่สงบ ไม่รู้จักอิ่ม ไม่เต็ม จิตที่ไม่รู้จักอิ่มเต็มเป็นจิตที่ยังอบรมฝึกฝนมายังไม่ดี ดังนั้นเขาย่อมเป็นเหยื่อของความท้าทายไม่รู้จักจบสิ้น ใจไม่อาจพบสุขสงบได้ เหมือนกับเรือนที่มุงบังไม่ดีย่อมถูกเม็ดฝนรั่วรดอยู่นั่นเอง แต่ถ้าใครฝึกฝนอบรมมา เขาก็จะเป็นเหมือนเรือนที่มุงบังมิดชิดดีแล้ว ต่อให้ถูกยั่วยวนเพียงใด ก็ไม่เป็นผล
ตอนนี้จิตขาดการฝึกฝนมานาน อยากให้อาจารย์เอกมาช่วยฝึกให้จิตว่างบ้าง
ไม่รู้เป็นอย่างไรช่วงนี้จิตวุ่นวายฟุ้งซ่าน จะมีวิธีแก้ไขอย่างไรดี (อันนี้เรื่องจริง)
จากคนเคยทำงานแล้วต้องมานั่งอ่านหนังสือไม่ได้ทำงาน ไม่ค่อยมีความสุขเลยพี่
คุณ beerthai ลองดูที่นี่สิคะ ดิฉันก็วุ่นวายฟุ้งซ่านเหมือนคุณ นี่ก็พยายามฝึกอยู่ตลอดที่ระลึกได้ค่ะ
ทำงานให้สนุกเป็นสุขกับการทำงาน
การเรียนคือการทำงาน ถ้าเรียนไม่สนุกก็เหนื่อยหน่อยกับการต้องฝึกฝนเพื่อให้มี ๑) รักและพอใจกับการอ่าน ๒) ขยันหมั่นเพียรหรือพยายามอ่าน ๓) เอาใจใส่กับเนื้อหา ๔) ตรวจสอบความถูกต้อง ลึกตื้น หนาบาง
ดังนั้น ต้องหาวิธีการอย่างไรก็ได้เพื่อให้ "ฉันรักเธอนะหนังสือจ๋า"
ด้วยความห่วงใยจาก..องค์กรบูชาเทวดา
พระธรรมบท บทนี้พระอรหันต์ท่านรำพึง
หลังจากการเจริญธรรมสิ้นสุดลง ทำให้ท่านประจักษ์แจ้งในความเพียรของอินทรียสังวรศีล และการเจริญอินทรีย์ห้าพละห้า...จนกลายเป็นโพธิปักขิยธรรมและบรรลุธรรมในที่สุด
ท่านจึงรำพึงออกมา เป็นปัจเวกขณะ (คือมองทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น) และรู้ว่าเรือนท่านมุงดีแล้ว จึงปราศจากกิเลสทั้งหลาย
ผมเองชอบในธรรมบทนี้ เพราะเตือนใจตนให้เพียรมุงหลังคาบ้านของตนให้ดี เพราะยิ่งมองยิ่งเห็นว่ายังมีมุมโน้นมุมนี้โหว่อยู่เสมอ
ครับ ต้องขอตัวปีนไปมุงอีกหน่อย เห็นอีกรูหนึ่งแล้ว
ขอบคุณมากครับ ที่นำมาลงเตือนสติ