คำถามนี้ตอบยากจัง


ผู้เขียนได้รับคำถามมาทาง E-mail ซึ่งก็ค่อนข้างแปลกใจอยู่บ้าง ลองมาวิเคราะห์ตัวเองอาจเป็นเพราะว่าเรามีความสุขกับการทำงานมากไปหน่อยเขียนเรื่องงานมากไปนิด

บางครั้งได้ยินใครบ่นเบื่อเรื่องงาน ผู้เขียนก็ชักไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าต่อไปเราจะมีความสุขกับงานได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เพราะหลายอย่างที่ผู้เขียนคิดว่าคงจะไม่มีวัน ไม่มีทางประสบ คิดว่าไม่..และไม่..เป็นแน่แท้ในชีวิต ก็ได้พานพบมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำวิจัย การพูดในที่ชุมชน...

คำถามที่ว่าเป็นคำถามจากความเป็นห่วงเป็นใยจากพ่อที่มีให้กับลูกค่ะ ซึ่งก็น่าอิจฉามากค่ะ เพราะพ่อแม่ผู้เขียนไม่เคยเป็นห่วง เป็นใยได้เท่านี้ ปล่อยให้ผู้เขียนเลือกเองคิดเองได้ตามอิสระค่ะ ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้ที่ถามมากค่ะ ที่ทำให้ผู้เขียนได้มีโอกาสนึกย้อนอดีตของตัวเองและให้เกียรติผู้เขียนในการทำงานวิชาชีพ "เทคนิคการแพทย์" เนื้อความดังนี้ค่ะ

จบเทคนิคการแพทย์ ม.มหิดล กำลังสอบโท ภูมิคุ้มกัน คำถาม
1. เงินเดือนรู้สึกว่าน้อย เมื่อเทียบกับ ปวช ปวส ไม่ต่างกัน ทั้งๆ ที่ยากกว่ากันมากเรียนหนักกว่ามาก
2. ทำงานระหว่างเอกชน หรือรัฐบาลดี (ความเห็นตัวผู้เขียนเองเป็นข้าราชการ ข้าราชการรุ่นใหม่ เป็นอัตราจ้าง โอกาสก้าวหน้ายาก และไม่มีบำเหน็ดบำนาญ สิทธิค่ารักษาต้องประกันสังคม ลูก ภรรยาไม่มีสิทธิ์ ) คิดว่าเอกชลน่าจะดีกว่าจริงไหมครับ
3. ถ้าต่อ ป.โทสาขาภูมิคุ้มกัน จะมีงานทำหรือไม่
รุ่นพี่ช่วยวิเคราะห์ให้นักเทคนิครุ่นน้องด้วยครับ
  

ขอตอบว่า.... ผู้เขียนคงไม่สามารถวิเคราะห์และตัดสินใจแทนใครได้ เพราะอย่างที่บอกว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน และความไม่แน่นอนนั่นคือความแน่นอนค่ะ อีกทั้งผู้เขียนก็ไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการรับเข้าทำงานในแต่ละที่อันนี้ต้องสอบถามจากสถานที่จะสมัคร มีเงินตอบแทนอย่างอื่นหรือไม่???

ผู้เขียนบอกได้แต่เรื่องราวของผู้เขียนเองค่ะ รับราชการมา 10 กว่าปีเล็กน้อย ตอนนี้เงินเดือนที่ 16880 บาท. เงินเวรอีก 5000 บาท (แต่อย่าถามถึงยอดสุทธิ)

  • เริ่มรับราชการด้วยเงินเดือนประมาณ 6300 บาท + เงิน OT ประมาณเดือนละ 6000-8000 บาท ช่วงแรกอายุน้อยก็เลือกอยู่เวรเยอะ ก็พออยู่ได้ เพราะเราไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ก็มีกินมีใช้ มีได้เที่ยวพักผ่อน ก่อนหน้านี้ผู้เขียนก็เคยทำงานรพ.เอกชนค่ะ เงินเดือนประมาณ 12000 +เงินเวรประมาณ 6000-7000 บาท แต่ต้องทำงานแบบอยู่เวรเช้าบ่ายดึก เลยตัดสินใจเข้าทำงานราชการ เช้ากะละมังเย็นโคม (เพราะงานเยอะกว่า) เอ๊ย ! ไปเช้าเย็นกลับ นอกเวลาคือค่าล่วงเวลา
  • งานหนักและเยอะกว่า แต่คิดว่ามีคนที่ทำงานหนักกว่าเราเยอะมาก ทุกอาชีพย่อมมีความสำคัญค่ะ เรายังโชคดีที่ได้ทำงานห้องแอร์ ไม่ต้องตากแดด
  • รับผิดชอบงานตามหน้าที่ พอมีเวลาก็ทำวิจัยเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง
  • มีความสุขกับเพื่อนร่วมงาน แม้จะถกเถียงแต่ไม่ทะเลาะ ขัดแย้งแต่ไม่แตกแยก โดนติแต่ก็เพื่อก่อ ฯลฯ

ในชีวิตคิดว่า โชคดีที่มีงานให้ทำค่ะ มีความสุขอย่างพอเพียงและเพียงพอ สิ่งเหล่านี้เราสร้างได้ค่ะ ด้วยการคิดเอง เลือกเองค่ะ

หมายเลขบันทึก: 72862เขียนเมื่อ 16 มกราคม 2007 09:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
เห็นด้วยกับคุณศิริ มีความสุขกับการทำงาน(สร้างประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม) มากกว่าสุขกับเงิน
ขอบคุณอาจารย์ลุงค่ะ ผู้เขียนคิดว่าความสุขมันขึ้นกับใจเราค่ะ "สุขหรือทุกข์อยู่ที่ใด ไม่ใกล้ไม่ไกลก็ใจเราเอง"
ขอเป็นกำลังใจให้สุขกับการทำงานยิ่ง ๆ ขึ้นไปครับ สุขทุกข์อยู่ที่ใจเรานี้เอง สุขที่ได้ทำกุศลกรรม ทุกข์ที่เกิดพลาดพลั้งไปทำอกุศลกรรมเข้า คนไทยส่วนใหญ่ยังหลงไหลไปกับอกุศลกรรม เช่น การดื่มสุรา ทั้ง ๆ ที่เรามีคำสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานสองพันกว่าปีแล้ว กลับไปหลงไหลกับอกุศลกรรมที่ซีกโลกตะวันตกเข้านำเสนอ เรามันฉลาดหรือโง่กันแน่?
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท