สวัสดีครับ ชาว Blog
ในวันพุธที่17 มกราคม นี้ ผมได้รับเกียรติให้ไปพูดที่ม.เกษตรฯ ในหัวข้อที่เชยมาก ใช้หัวข้อว่า International Human Resource Management ซึ่งเป็น ชื่อของหนังสือเรียนเก่า ๆ ซึ่งประเทศตะวันตกมักจะเขียนเมื่อมีโอกาสเข้ามาทำธุรกิจในประเทศด้อยพัฒนา ผมจึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น การบริหารตะวันออกและตะวันตก จุดอ่อน จุดแข็ง เรื่องทรัพยากรมนุษย์ ผลกระทบต่อธุรกิจไทย และธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งก็มีแนวคิด สะท้อนให้เห็นว่า คำว่า นานาชาติ ไม่ใช่แค่การมองเรื่องของตะวันตกเท่านั้น เราจะต้องศึกษาเรื่องของตะวันออกด้วยเช่นเดียวกัน เช่น เรื่อง ความจงรักภักดี เรื่องความสุข ความมีน้ำใจต่อกัน ที่สำคัญที่สุด ผมอยากให้ลูกศิษย์ ที่เป็นนักธุรกิจ ได้มีโอกาสเรียนรู้ร่วมกัน และนำมาแบ่งปันให้แก่ผู้อื่น ผ่าน Blog นี้
จีระ หงส์ลดารมภ์
ภาพบรรยากาศการเรียนการสอน นักศึกษา X-MBA
สื่งท่ำได้จากการบรรยายคงเป็นเรื่องแนวคิดในการดำเนินชีวิต โดยมุ่งเน้นให้รู้จักตัวเอง และผู้อื่นให้มากก่อน จากนั้นจึงเริ่มคดที่จะทุณกิจ โดยตั้งใจกับที่ไม่แตกต่างกับเรามากนัก เช่น เพื่อนบ้านต่างประเทศที่มีพรมแดนติดกับเรา
สิ่งที่อยากให้บรรยายเพิ่มเติมคือเรื่อง Talent Management โดยเฉพาะการบริหารตนเก่งในแบบฉบับคนไทย ที่คนดีมักจะถูกรุมด้วยคนดีไม่มากในองค์กร และขอขอบพระคุณอีกครังสำหรับแนวคิดที่ท่านอาจารย์ได้มอบให้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะได้มีโอกาศได้เข้าฟังการบรรยายของท่านอาจารย์อีกในอนาคต
นาย ธำรงชัย ธนวุฒิกูร
Ex MBA18 No.29เรียนอาจารย์จีระ ที่เคารพ
ขอขอบคุณท่านอาจารย์อย่างยิ่งที่ได้สละเวลาอันมีค่า มาบรรยายให้ความรู้แก่พวกเรา ในหัวข้อเรื่องที่กี่ยวกับทรัพยากรมนุษย์ของสองซีกโลก ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการเพื่อความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในยุคโลกไร้พรหมแดน และยุคเขตการค้าเสรีเฟื่องฟู
สิ่งที่ได้รับจากการบรรยายของอาจารย์ในครั้งนี้เป็นการจุดประกายแนวคิดของพวกเราให้รู้จักมองโลกให้กว้างและลึกขึ้น โดยเฉพาะเรื่องคน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญมากที่มีผลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของธุรกิจ การรู้เขา-รู้เรา จะช่วยให้เราทำธุรกิจได้ด้วยความไม่ประมาท แม้ว่าคู่แข่งอาจจะคิดได้เหมือนเรา แต่ความสำเร็จหรือล้มเหลว อยู่ที่ว่าใครจะรู้ละเอียดและลึกซึ้งกว่ากัน
สิ่งที่อยากให้อาจารย์บรรยายเพิ่มเติมนอกจากสาระสำคัญของกฏหมายแรงงานตะวันตก-ตะวันออกแล้ว วัฒนธรรมที่เหมือนและแตกต่างระหว่างตะวันตกและตะวันออก ก็มีส่วนสำคัญต่อการทำธุกิจเช่นกัน ดังนั้นหากโอกาสหน้าอาจารย์ได้มาบรรยายอีก ขอความกรุณาแทรกเรื่องแนวคิดการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์หลากหลายสัญชาติและวัฒนธรรมด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง
นายบุญยรัตน์ ตันติประภา
EX-MBA 18 / No.37
"International Human Resource Management เป็นหัวข้อที่เชยมาก" ???
ทำให้ผมตั้งคำถามในใจว่า ทำไมถึงเชย ??? แล้วถ้าเชยจริงๆแล้วควรจะเปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องอะไร ?? หลังจากฟังท่านอาจารย์จีระบรรยายไปซักฟัง ก็เริ่มอ๋อ เข้าใจแล้ว ถ้าพูดถึง International นั้นเมื่อก่อนเราจะคิดถึงแต่พวกฝลั่ง ซึ่งในปัจจุบันและในอนาคต คำว่า International นั้นไม่ได้หมายถึงแต่พวกฝลั่งอีกต่อไปแล้ว แต่จะหมายถึง "ใครก็ได้ที่เก่ง" อาจจะเป็น Asia เช่น จีน อินเดีย เวียดนาม หรือแม้กระทั่ง Thailand ก็เป็นไปได้ ... ซึ่งทั้งหมดที่อาจารย์บรรยายนั้น เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการย้ายแหล่งการลงทุนไปลงทุนในจีน เวียดนาม หรือแม้กระทั้งประเทศอินเดียที่มีนัก Computer ฝีมือดีๆระดับโลกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนั้นย่อมแสดงให้เห็นว่า เมื่อเวลาผ่านไป ฐานอำนาจหรือความเป็น International นั้นจะเปลี่ยนไป คนเก่งเท่านั้นถึงจะเป็น International ...สิ่งที่ผมอยากรับฟังเพิ่มเติมจากการบรรยายของท่านอาจารย์จีระคือ อยากให้ท่านอาจารย์จีระบรรยายถึงแนวความคิดของท่าน GURU เก่งๆทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งส่วนตัวแล้วผมว่าแนวความคิดของท่านผู้รู้เก่งๆเหล่านี้มีประโยชน์เป็นอย่างมาก แต่มีคำถามว่า
"แล้วเราจะนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจของเราได้อย่างไร"
ซึ่งตรงนี้ก็อยากให้ท่านอาจารย์จีระได้ช่วยวิเคราะห์และชี้แนะแนวทางในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องตามแนวความคิดของท่าน GURU ต่างๆ
สุดท้ายหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านอาจารย์จีระจะให้เกียรติกลับมาบรรยายให้เหล่าบรรดาชาว EX-MBA KU ของพวกเราอีกหลายๆครั้งครับ ..... ก็อย่างที่ท่านอาจารย์จีระบอกไว้ในห้องเรียนว่า "ผมอาจจะพูดจาไม่เหมือนคนอื่น ... แต่สุดท้ายแล้วพวกคุณต้องรักผม" … ขอบคุณท่านอาจารย์จีระมากๆครับ
เรียน ท่านอาจารย์จิระฯ
ขอกราบขอบพระคุณที่ท่านอาจารย์ได้เสียสละเวลามาบรรยายเมื่อวันที่ 17 ม.ค.2550 ผมได้ฟังอาจารย์บรรยายสดๆเป็นครั้งแรกครับ เนื้อหาที่อาจารย์บรรยายในวันนั้น มีคุณค่ามาก เป็นปรัชญาที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้ทุกๆสาขาอาชีพ เช่น คิด macro แต่ทำ micro, ก่อนจะ”รู้เขา” จะต้อง”รู้เรา”เสียก่อน, “รู้เขา” จะต้องรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และ รากเง้า ของเขา เป็นต้น
ส่วนการนำไปใช้งาน นั้น ตอนนี้คิดในใจกว้างๆว่า อยากจะมีเครือข่ายความรู้ไว้ใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งก็จะเริ่มต้นด้วยการ”รู้เรา”ก่อน โดยการสำรวจตนเองว่า เรามีประสบการณ์อะไรบ้างที่ควรจะถ่ายทอดให้กับผู้ร่วมงาน จากนั้นก็จะต้อง”รู้เขา” กล่าวคือ จะต้องรู้ว่า ผู้ร่วมงานแต่ละคนมีความถนัดทางด้านใดบ้าง ควรจะมอบหมายเรื่องอะไร เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม เพื่อจะได้ดึงเอาความเป็นเลิศของผู้ร่วมงานออกมาให้มากที่สุด
ในครั้งต่อไป อยากให้อาจารย์พูดในรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสร้าง Body of Knowledge เพื่อจะได้นำไปใช้งานครับ
สวัสดีครับ
เรียนท่านอาจารย์จีระ
ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงที่กรุณาเสียสละเวลาให้พวกเราได้ฟังการบรรยายที่เป็นประโยชน์และสามารถนำไปใช้ได้จริง
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับคำว่า นานาชาติไม่ใช่แค่การมองเรื่องของตะวันตกเท่านั้น เพราะตอนนี้ตะวันออกก็มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆทั้งจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง มีการลงทุนระหว่างประเทศมากขึ้น แต่ต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยมากกว่าคนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ รูปแบบของธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปมาก ทำอย่างไรธุรกิจไทยจึงจะเป็นสากลมากขึ้นและแข่งขันในตลาดโลกได้
สิ่งที่ท่านอาจารย์บรรยายและสอดคล้องกับองค์กรในขณะนี้ก็คือการปรับเรื่อง Diversify คือความไม่เหมือนกัน และ Cross Cultural Understanding เนื่องจากมีต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนในองค์กร ทำให้ต้องศึกษาวัฒนธรรมองค์กร วิธีการทำงาน และแนวความคิดซึ่งกันและกัน เพื่อให้สามารถปรับตัวและทำงานร่วมกันได้ ทั้งนี้จะนำเรื่องการบริหารแบบให้ทุกคนมีส่วนร่วมและจะอ่านหนังสือที่ท่านอาจารย์กรุณาแจกให้และนำทฤษฏี 8 K's ,5 K's และ 8 H's ไปใช้ด้วย ขอขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
สวัสดีครับท่านอาจารย์จิระ
เพิ่งทราบจากชาว Blog ว่าเมื่อวาน(7ก.พ.2550)เป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน กระผมและเพื่อนๆ ใครขอโอกาศนี้ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านนับถือ จงประสิทธิ ประสาทพรชัย ให้ท่านอาจารย์ มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีอายุยืนยาว เพื่อเผยแพร่แนวคิด และความรู้ให้แก่อนุชนรุ่นหลังสืบต่อไปครับ