ชีวิตที่พอเพียง : 195. สปา


           ขอเล่าเรื่องชีวิตที่เกินพอเพียงสักครั้ง      เป็นประสบการณ์การเข้าสปาครั้งแรกในชีวิตของผมและภรรยา       คือในการประชุมคณะกรรมการ SCB ครั้งสำคัญตอนปลายปี  เขาจัดแบบ retreat       คือออกไปประชุมนอกสถานที่      คราวนี้เขาจัดที่ คีรีมายา กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา      ซึ่งอยู่ที่เขาใหญ่      กรรมการอื่นๆ เขาไปเล่นกอล์ฟกันหลังการประชุมอย่างเคร่งเครียด      คนที่ไม่เล่นกอล์ฟ เขาเสนอให้ใช้บริการ สปา      ผมก็เลยได้มีโอกาสลอง

          เป็น สปาหรูมาก      แต่คงไม่ถึงระดับหรูสุดๆ อย่างชีวาศรมที่หัวหิน     ทาง SCB เขาให้เราจองไปล่วงหน้าถึง ๒ สัปดาห์     เพราะในบางเวลาก็มีคนจองเต็มล่วงหน้า      ภรรยาเขาใช้บริการ ๒ ครั้ง คือครั้งแรกเป็นแบบขัดตัว (ชื่อบริการแบบนี้ Maya Spa เขาเรียกชื่อว่า EAU Thermal Spa) และครั้งที่ ๒ แบบนวดตัวด้วย essential oil (Maya Masage)      ส่วนผมใช้บริการแบบขัดตัวครั้งเดียว

          บริการขัดตัว มี ๓ ขั้นตอน    คืออบไอน้ำ  ลอกผิว  และนวดชโลมน้ำมันบำรุงผิว     เริ่มโดยเขาให้เราผลัดผ้าและเครื่องประดับออกหมด     สวมกางเกงแบบใช้ทีเดียวทิ้งในที่เขาจัดให้     และนุ่งผ้าขนหนูไปเข้าอบไอน้ำ ๓๐ นาที     ห้องอบไอน้ำกว้างยาวประมาณ 1.5 x 2 เมตร      ผนังเป็นกระจก     เขาเตรียมเปิดไอน้ำร้อนไว้แล้ว     พอเข้าไปก็มีไอน้ำคลุ้งไปหมด มองอะไรไม่เห็น     ยิ่งผมถอดแว่น ยิ่งทำให้มองไม่ชัด     เขาให้ไปนั่งตรงพื้นหินขัดที่ยกพื้นสูงพอนั่งสบาย ปูผ้าขนหนู     นั่งสักพักผมก็พอเห็นอะไรๆ รางๆ      เห็นมีถ้วยใส่ผงสีขาวก็คิดว่าเกลือป่น     เอามือไปแตะดู เอามาดมจึงรู้ว่าเป็นผงการบูร     มิน่าเมื่อเข้ามาในห้องได้กลิ่นหอม

          ผมเป็นคนนั่งนิ่งๆ เฉยๆ ไม่ค่อยได้     ก็พยายามสังเกตว่าไอน้ำร้อนมาจากทางไหนบ้าง      ได้ยินเสียงฟู่ๆ เหมือนมาจากทุกทิศทาง      สักครู่จึงจับได้ว่ามาจากทางขวามือตรงมุมล่าง      เอามือลองคลำดู  หดมือแทบไม่ทันเพราะหัวจ่ายไอร้อนมันร้อนจัดมาก     ผมนึกในใจว่าเขาน่าจะมีตะแกรงพลาสติกครอบกันคนเอามือไปโดนแบบผม      ทางซ้ายมือเป็นขวดคล้ายขวดสบู่น้ำหรือแชมพูที่มีก้านให้เรากดแล้วน้ำยาออกมา รวม ๔ ขวด     ผมไม่ได้ลองกดดู     นั่งสักครู่ไอน้ำมันหยุดไปเฉยๆ และอุณหภูมิในห้องเย็นลงอย่างรวดเร็วจนรู้สึกหนาว     เสียงฟู่ๆ ของไอน้ำก็เงียบลง     ผมคิดว่าเครื่องเสีย แต่ก็นั่งนิ่งไว้     สัก ๒ - ๓ นาที ไอน้ำร้อนก็กลับมาใหม่อย่างเดิม     ผมนึกในใจว่าถ้าห้องอบไอน้ำไม่มีเสียงฟู่ แต่มีเสียงดนตรีแทนก็น่าจะเป็นห้องอบไอน้ำที่สุดยอด

          นั่งต่อสักครู่ก็เบื่อ    ลองขยับตัวมาข้างหน้าให้ไอน้ำมันรมตรงมาใต้หว่างขา     ก็รู้สึกอบอุ่นดี     ลองนั่งให้เข้าไปชิดผนังปูนด้านหลังก็รู้สึกเย็นหลัง ทนไม่ได้      นึกในใจว่าถ้าเขาเอาผ้าขนหนูวางรองแบบรองก้นก็จะทำให้เราพิงได้ และนั่งสบายขึ้น     เพื่อแก้เหงา ผมนั่งยกขาเหยียดขึ้นลง     ทำได้ ๒๐๐ ครั้งก็เบื่อ     จึงนั่งหลับตาทำสมาธิ (ที่ผมทำไม่เป็น)      อีกสักครู่รู้สึกว่าที่จมูกมีหยดน้ำ     ถ้าถามว่าอบไอน้ำทำให้สบายตัวไหม ผมรู้สึกตื่นเต้นของแปลกมากกว่าสบายตัว      ผมเคยไปอบไอน้ำที่เรียกว่า ซาวน่า ครั้งหนึ่งที่โรงแรมในนิวเดลฮี อินเดีย ที่ไปพัก      แล้วหมอสมศักดิ์ชวนไปใช้บริการ (ฟรี)      คราวนั้นผมอบได้ครู่เดียวก็ทนไม่ไหว      ออกมาอาบน้ำเย็น ก็สบายตัวดี     แต่ก็ไม่คิดจะไปใช้บริการอีกแม้จะมีโอกาส

         จบจากอบไอน้ำเขาเอาน้ำเย็นมาให้ดื่ม ๑ แก้ว     แล้วให้ไปนอนในห้องนวด     มีเตียงพิเศษที่พอนอนคว่ำหน้าของเราจะตรงกับช่องกลมๆ      มองลงไปข้างล่างมีอ่างน้ำที่มีบัวขาว (บุณฑริก) ๑ ดอกลอยอยู่ มีดอกกล้วยไม้สกุลหวายสีม่วง-ขาว ๕ ดอกลอยอยู่รอบดอกบัว      ในห้องมีดนตรีบรรเลงไพเราะมาก     เป็นเพลงที่เล่นด้วยเปียโนเป็นพื้น    ตรงกับความชอบของผมพอดี     จะเห็นว่าเขาให้บริการผัสสะครบด้านทั้งกลิ่นหอม  ดนตรี  บรรยากาศการตกแต่งภายในห้อง  และดอกไม้     เขาให้เอาผ้าขนหนูออก และนอนคว่ำหน้า แล้วเอาผ้าขนหนูมาห่มให้

         เขาขัดตัวทีละส่วน    โดยเริ่มจากขาขวา  ขาซ้าย  หลังด้านซ้าย  หลังด้านขวา  แขนขวา  แขนซ้าย  และคอ      แล้วให้นอนหงาย นวดทีละส่วนอย่างเดิม     ตอนนั้นผมนุ่งกางเกงในที่เขาจัดให้ (สีดำ ผมเก็บมาเป็นที่ระลึกด้วย)     ในการนวดเขามีครีมทานวด     ผมบอกตัวเองว่าผมกำลังได้รับบริการขัดกระดาษทราย      คือนอกจากความลื่นของครีมแล้ว มีสะเก็ดเล็กๆ คล้ายเม็ดทรายอยู่ด้วย     ทำให้นึกถึงสมัยอายุสัก ๖ - ๑๐ ขวบ ผมได้รับบริการขัดขี้ไคลโดยพ่อ     คือตามปกติพ่อผมทำงานนอกบ้านตั้งแต่เช้าจนค่ำ      แต่บางวันพ่อผมเห็นลูกๆ (ชายล้วน  น้องสาวเกิดหลังผม ๑๕ ปี) มีขี้ไคลที่คอเป็นปลอก     ก็จัดการจับอาบน้ำถูขี้ไคลให้     ได้แรงดีจริงๆ ทั้งเจ็บทั้งมัน     พ่อบอกว่าขี้ไคลปั้นช้างได้  

         เรื่องขี้ไคลมาก ผมไปได้กับตัวเองอีกครั้งตอนไปเรียนที่ แอนน์ อาร์เบอร์  รัฐมิชิแกน     ตอนหน้าหนาวไม่ต้องอาบน้ำก็ไม่สกปรก     อาทิตย์หนึ่งอาบหนเดียว     แต่พอถูขี้ไคล มันมาจากไหนก็ไม่รู้     "ปั้นช้างได้"     ตอนไปดูงานที่อังกฤษโดนหน้าหนาว และบ้านที่เราไปเช่าอยู่เขามีแต่อ่างอาบน้ำ     อาบน้ำทีไรขี้ไคลในอ่างน้ำเป็นคราบ     นึกไม่ถึงว่าขี้ไคลของเราจะมากขนาดนั้น 

         กลับมาที่ สปา      ตอนขัดตัว ก็เป็นการนวดกล้ามเนื้อไปด้วย     สบายดี     และรู้สึกว่าพนักงานเขาฝึกมาดีทีเดียว      เขานวดอย่างประณีตละมุนละไม และทั่วถึง     คือตอนนวดขา เขาจะยกกางเกงในด้านนั้นของเราให้เข้าไปที่ง่ามก้น     เพื่อนวดกล้ามเนื้อและผิวหนังที่สะโพกได้ครบถ้วนจริงๆ      ตอนนอนคว่ำเขานวดเข้าไปโดนง่ามก้น     และตอนนอนหงาย (เขามีผ้าปิดตาให้เรา) ก็นวดเข้ามาโดนง่ามขาเฉียดสิ่งที่อยู่ในกางเกงใน     แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีเรื่องสยิวนะครับ      เขาจองห้องคู่ คือมี ๒ เตียงให้เรา     และภรรยาเขาก็นอนนวดตัวอยู่บนเตียงเคียงกัน

         เสร็จจากการนวดขัดผิว เขาให้ไปอาบน้ำ      ใช้ห้องอบไอน้ำนั่นเอง     มีฝักบัวอยู่     ผมอาบเอาครีมขัดตัวออก ให้เมล็ด "ทราย" เล็กๆ ออกหมดก็พอ     ไม่ได้ใช้สบู่น้ำที่เขามีไว้ให้     เพราะรู้สึกว่าครีมที่ขัดตัวก็ทำให้ตัวหอมดี

         แล้วก็เป็นการนวดด้วยครีมรักษาผิว      นวดในทำนองเดียวกัน     พนักงานถามว่าจะนวดศีรษะไหม     ผมนวด เพราะภรรยาบอกไว้แล้วว่านวดศีรษะสบายดี    

          พนักงานเป็นผู้หญิง อายุสัก ๓๐     คนที่นวดภรรยาอายุสัก ๒๒     เป็นคนแถวนั้นเอง     หน้าตาธรรมดาๆ ไม่สวย แต่เรียบร้อย     เคยไปเรียนนวดจากสีคิ้ว ที่กระทรวงแรงงานไปเปิดหลักสูตรฝึกอบรม  ใช้เวลาฝึก ๒ สัปดาห์     แล้วทางคีรีมายาเขาฝึกต่อให้     ผมเดาว่าเขาเน้นเลือกพนักงานที่เรียบร้อย  คงจะเลี่ยงคนที่หน้าตารูปร่างเซ็กซี่      เพื่อไม่ให้แขกบางคนเกิดอารมณ์หน้ามืด

         ห้องนวดจัดสวยงามมาก      มีอ่างอาบน้ำด้วย     ถามได้ความว่าใช้กรณีนวดแบบเต็ม คอร์ส ใช้เวลา ๔ - ๕ ชั่วโมง     ฝรั่งชอบมาก    เสร็จจากนวดเขาเลี้ยงน้ำมะตูมอีก ๑ แก้ว      ผมเล่าตกไปว่าเราต้องไปก่อนเวลานัด ๑๕ นาที     เขามีเจ้าหน้าที่ต้อนรับ (ชายหนุ่ม ตุ้งติ้งนิดหน่อย) เอาน้ำผลไม้ให้ดื่ม    และชวนคุยว่าเราจอง สปา แบบไหนไว้     ภรรยาบอกว่ามาครั้งแรกเขาถามเรื่องโรคประจำตัวด้วย    แต่คราวนี้ไม่ได้ถาม   

         สถานที่ของ สปา จัดบรรยากาศสวยงาม     มาตรฐานคีรีมายา ซึ่งถือเป็นสถานที่ระดับหรู     และแพงแบบที่เราเองไม่มีปัญญาไปพักถ้าต้องจ่ายเงินเอง     ก่อนกลับ เขาให้เรากรอกแบบสอบถามประเมินคุณภาพทุกส่วนของบริการ     และมีช่องให้แนะนำด้วย     ผมแนะนำด้วยวาจาเพราะถ้าเขียนจะยาวมาก    แนะไปตามที่ผมคิดระหว่างใช้บริการ

         ก่อนออกจากห้องนวด ผมขอดูครีมที่ใช้ขัดผิว     เป็นครีมอยู่ในหลอดคล้ายหลอดยาสีฟัน     นำเข้าจากฝรั่งเศส     ในครีมสีขาวมีเม็ดละเอียดสีฟ้าอยู่      ผมนึกในใจว่า เราน่าจะทำ reverse engineering ผลิตเองในประเทศได้     แต่ภรรยาบอกว่า การบอกลูกค้าว่าครีมขัดผิวของฝรั่งเศสจะดูน่านิยมกว่า    

         ผมพิมพ์บันทึกนี้ที่บ้านตอนค่ำหลัง สปามาแล้ว ๘ ชั่วโมง     ลูบผิวหนังดูยังรู้สึกได้ถึงครีมที่เคลือบอยู่ คล้ายทาโลชั่น     และตอนอาบน้ำก็ยังรู้สึกว่ามีครีมเคลือบผิวอยู่

วิจารณ์ พานิช
๑๗ ธค. ๔๙

หมายเลขบันทึก: 72686เขียนเมื่อ 15 มกราคม 2007 09:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม 2012 09:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • อาจารย์เล่าละเอียดยิบเลยค่ะ เห็นภาพเลยค่ะ
  • เป็นสปาระดับหรู ราคากระเป๋าฉีกหรือเปล่าค่ะ
  • ปัจจุบันมีครีมขัดและน้ำมันหอมที่มีคุณภาพ ขายเต็มไปหมดค่ะ มีให้เลือกหลากหลาย สามารถนำไปสปาเองที่บ้านได้ในราคาประหยัดค่ะ
  • แต่ห้องสวยๆ บรรยากาศสปาๆๆ ค่ะ มัน up ราคาเสียสูงโด่งค่ะ
  • มีลูกค้า (บ้าน) ของดิฉันหลายคนเหมือนกัน ที่ได้รับการอบรมนวดสปา แล้วมีใบรับรอง เมื่อไปทำงานสปาที่ต่างประเทศ สามารถมีรายได้อย่างงามค่ะ   และลูกประคบสมุนไพรไทย ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในต่างประเทศนะคะ
  • ขอบคุณข้อมูลดีๆ ค่ะ
ขอบพระคุณครับ
    คน "ไม่เคย" อย่างผมอ่านละเอียดทุกตัวอักษรเลยครับ เพราะอยากรู้ .. เคยคิดจะลองหลายครั้งแต่ก็ยัง "กล้าๆ กลัวๆ" ตอนนี้ไม่กลัวแล้วครับ .. ถ้าจะกลัวบ้างก็คือ กลัวไม่มีเงินจ่าย ครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท