ยกที่ ๒ ของการวิจัยในชุมชนเรื่องการเลี้ยงไก่ไข่ ที่สวนป่าสตึก


ผมก็ค่อนข้างหน้าแตกที่เกือบจะนอกเรื่องของ ดร. สวัสดิ์ และ ดร. วนิดา จากกรมปศุสัตว์

วันนี้ผมได้รับเชิญแบบทราบเรื่อง ว่าเป็นเรื่องไก่ไข่กับสมาชิก นักจัดการความรู้ในชุมชน ที่สวนป่าสตึก

แต่ไม่ทราบวาระการประชุมที่แน่นอนว่าเป็นขั้นตอนไหน อย่างไร ตามสไตล์ที่ "นักชกต้องพร้อมเสมอ"  แต่ทราบว่า เป็นการทำเพื่อสนับสนุนการเลี้ยงไก่ไข่ ไว้บริโภคและเหลือขายในระดับชุมชน

พอมาถึงก็ได้รับเชิญจากครูบาสุทธินันท์ให้ขึ้นนำเสนองานในบล็อก ที่ผมก็ไม่ได้วางแผนไว้ก่อน

ผมจึงได้ตัดสินใจ เลือกเรื่องหลักการจัดการความรู้แบบ KM ธรรมชาติ เพื่อสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ โดยใช้ภูมิปัญญาพระแม่ธรณีของไทย จาก blog ที่ผมเขียนไว้เมื่อวันก่อน

 

 

ที่มั่นใจในการนำเสนอ เพราะความคิดยังหมาดๆ อยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าเข้าเรื่องหรือเปล่า เพราะเขากำลังจะพูดเรื่องการเลี้ยงไก่ไข่ เพื่อการพึ่งตนเองกัน

แล้วพอผมเสนอเสร็จ ก็รู้สึกว่าค่อนข้างหน้าแตกแบบปริๆ ที่เกือบจะนอกเรื่องการวิจัยการเลี้ยงไกไข่ในชุมชน ของ ดร. สวัสดิ์ และ ดร. วนิดา จากกรมปศุสัตว์

แต่เป้าหมายเพื่อการผลิตไข่กินเอง เหลือขาย น่าจะใกล้เคียงอยู่นะครับ

โดยเฉพาะ ในด้านการพัฒนาการพึ่งตนเอง

ในการนำเสนอจอง ดร. สวัสดิ์ ต่อจากผม มีการคำนวณความจำเป็นที่ต้องมีไข่เพื่อการบริโภค และแผนการผลิตให้ได้เอง เพื่อลดค่าขนส่งวัตถุดิบต่างๆ แบบขนไปขนมา และค่าหัวคิวของคนกลาง ก็จะลดค่าใช้จ่าย และค่าครองชีพได้เป็นจำนวนมาก

เพื่อลดค่าใช้จ่ายค่าหัวคิว ค่าโง่ ที่ผู้บริโภคต้องจ่าย และลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่มีการรวมศูนย์ด้านใช้ทรัพยากร และสะสมของเสียมากจนเกินไป ที่ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศน์ ทั้งพื้นที่นำเข้า และนำออก แต่ต่างประเด็นกันนั้น

ผมจึงหวังว่า เมื่อผ่านยกที่ ๒ ที่ชาวบ้านได้รับแจกไก่ไข่คนละ ๕๐ ตัว ไปเลี้ยงแล้ว ชุมชนจะได้มีการจัดการความรู้จากการทำงานวิจัย และได้รับประโยชน์ในการพัฒนาการพึ่งตนเองได้ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว

 โดยยุทธศาสตร์ "ตีป่าล้อมเมือง" ที่จะสู้กระแสเศรษฐกิจโลก และ ดร.สวัสดิ์ ได้ต่อสู้เรื่องนี้มากว่า ๓๐ ปี ที่หลีกเลี่ยงและปลดปล่อยตนเองไม่ให้เปื้อนน้ำเน่าในวงวิชาการ และพิสูจน์ว่า "นักวิชาการ" ที่ไม่เป็นเหยื่อระบบ "เงินฟาดหัว" ให้ทำอะไรก็ได้นั้น จะต้องทำตัวอย่างไร จึงจะรอดได้ ในกระแส "เงินเป็นพระเจ้า" 

และจะช่วยชาวบ้านได้อย่างไร

จึงเป็นเรื่องที่สมควรได้รับการยกย่อง และเอาเยี่ยงอย่างเป็นอย่างยิ่ง ครับ

หมายเลขบันทึก: 72585เขียนเมื่อ 14 มกราคม 2007 12:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 14:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ความจริงอ.น่าจะเข้าเรื่องเลย ชาวบ้านจะได้ไม่งง

การเลี้ยงไก่ไข่เป็นวิธีการที่ดีที่จะช่วยชาวบ้านตาดำๆให้รอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจทีเป็นอยู่ในทุกวันนี้ได้น่ะคะ
  • ยุทธศาสตร์ "ตีป่าล้อมเมือง" พวกผมก็ใช้อยู่ทุกวันนี้เช่นกันนะครับ   นอกเหนือไปจากรบแบบ "จรยุทธ์"
  • ขอเรียนรู้ผลของการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ผ่านบล็อก ด้วยคนนะครับ
ผมว่าถ้าเราแลกเปลี่ยนแบบขยายวงกว้างออกไป เราก็จะเป็นป่าล้อมเมืองได้จริงๆ ตอนนี้ผมก็ "จรยุทธ" ไปก่อนเหมือนกันครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท