ในสมัยเมื่อครั้งประเทศสหรัฐอเมริกายังทำตัวเป็นตำรวจโลก แทรกซึมไปในประเทศต่าง ๆ ย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย สหรัฐอเมริกาได้มาตั้งฐานทัพเรือ ฐานทับอากาศใหญ่ ๆ หลายแห่ง เช่น ที่อู่ตะเภา นครราชสีมา อุดรธานี เป็นต้น
ในช่วงเวลานั้นได้เกิดอาชีพและสถานที่ให้บริการชายต่างชาติขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบาร์ คอฟฟี่ชอป อาบอบนวด สถานบริการทางเพศ สร้างความร่ำรวยให้แก่คนบางกลุ่ม และเกิดเรื่องราว(เรื่องเล่า)ต่าง ๆ ตามมาหลายประการ
อาชีพภรรยาเช่าถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหญิงไทยบางคนที่ดิ้นรนเพื่อยกระดับฐานะตนเองให้ดีขึ้น เพียงไม่กี่ปีเด็กผมสีทองและเด็กผิวหมึกก็ถือกำเนิดขึ้นในประเทศไทยมากมาย (เป็นโรงงานผลิตดาราภาพยนต์ ทีวี นางแบบ นายแบบฯลฯ)
พูดถึงเรื่องภรรยาเช่า มีเรื่องเล่าที่สนุกหลายเรื่อง เนื่องจากเจ้าหล่อนส่วนมากจะมีความรู้จบแค่ประถมปีที่ 4 ภาษาอังกฤษไม่กระดิกหู แต่เมื่อมาเป็นภรรยาเช่าไม่ถึงปี เจ้าหล่อนก็สามารถสื่อความหมายกับชาวอเมริกันได้อย่างคล่องปรื๋อเข้าใจกันได้และเป็นธรรมชาติ จนครูที่สอนภาษาอังกฤษบางคนยังอาย แต่เธอก็ยังไม่สามารถเขียนในสิ่งที่เธอพูดออกมาได้
ด้วยเหตุนี้ ในระยะหลังที่ชาวอเมริกันถอนฐานทัพกลับบ้านเมืองไปหาลูกเมียที่แท้จริงทางโน้น โดยทิ้งภรรยาเช่าและเด็กผมแดง ผมหยิกไว้บางส่วน ในบ้านเราก็ได้เกิดอาชีพใหม่สำหรับครูสอนภาษาอังกฤษคือ การรับจ้างเขียนและแปลจดหมายให้ภรรยาเช่า
คำหล้า สาวชาวอุดรฯ ซึ่งตกลงปลงใจยอมเป็นภรรยาของจอห์น หนุ่มนักบินชาวอเมริกันผิวดำ ทั้งคู่อยู่กินกันมาตามวิถีทางการเมือง เมื่อเสร็จภารกิจจอห์นก็กลับบ้านเมืองตน โดยไม่ได้พาคำหล้าไปด้วย แต่ด้วยความผูกพันต่อกัน ทั้งคู่ยังติดต่อกันทั้งทางโทรศัพท์และทางจดหมายเป็นประจำ โดยคำหล้าต้องเสียเงินให้แก่ครูภาษาอังกฤษเป็นค่าเขียนและแปลจดหมายเป็นเงินครั้งละหลายร้อยบาททีเดียว
ด้วยความคิดถึงคำหล้า หนุ่มจอห์นได้ลงทุนลางานครึ่งเดือนบินมาหาคำหล้าที่เมืองไทย เมื่อลงถึงสนามบินดอนเมือง จอห์นก็รีบโทรศัพท์ไปหาคำหล้าที่อุดรฯ ทันที หลังจากออดอ้อนกันให้สมกับที่จากกันไปนาน สาวคำหล้าก็กล่าวประโยคทิ้งท้ายเป็นภาษาอังกฤษปนอีสานว่า
“ทูมอโร่ ไอ โก ซี แหม่… ซี ยู แอท เสาไฟฟ้า… บ๋าย ส่อยคอ ฟอ มี… โอ๋เค้ จ๋อน” (แปลว่า.. พรุ่งนี้ฉันจะไปหาแม่ แล้วเจอกันที่เสาไฟฟ้านะ ซื้อสร้อยคอมาฝากฉันด้วย ตกลงนะจอห์น)
ไม่มีความเห็น