จากบันทึกของคุณจันทร์เมามาย
ทำให้คิดถึงเมื่อคืนที่ไปร่วมงานสังสรรค์ปีใหม่ของแนะแนวฯได้พูดคุยกับพี่นิตยาแล้วเกิดความประทับใจใน Tacit K.ในการทำงานของพี่นิด(งานยาเสพติด) ซึ่งให้ผู้ติดยา(ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชน)เขียนบันทึกความดีโดยให้นึกดูซิว่าในชีวิตที่ผ่านมาได้ทำความดีอะไรไว้บ้าง พี่นิดจะเป็นคุณอำนวย ช่วยให้ผู้ป่วยเลิกติดยาเห็นคุณค่าของตัวเองโดยเลือกต่อยอดความดีด้วยตัวเองแทนการติดยา ช่วงที่ได้ฟังพี่นิตยาเล่าดิฉันเองยังได้รับรู้พลังและสัมผัสได้ถึงความสุขของผู้ให้ พี่นิตยาเป็นเสมือนครู และแม่ก็ว่าได้
ดิฉันนึกย้อนภาพในอดีต พี่นิดเคยเล่าถึงความประทับใจช่วงไปเข้าร่วมอบรม OD ( ประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา)ที่สวนสามพรานและได้นำเทคนิคที่ตนเองประทับใจ และสัมผัสได้ด้วยตัวเองมาทดลองใช้กับผู้รับบริการ จนได้ผลดีเกินคาด ทำให้นึกถึงบรรยากาศ และพลังแห่งการสร้างสรรค์ของบุคลากรหลายๆคนในช่วงนั้นว่ามีมากเพียงใด เป็นพลังทางบวกที่มหาศาลในการขับเคลื่อนองค์กรก็ว่าได้ ถ้าได้รับการเสริมพลังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดิฉันรู้สึกเองว่านอกจากพี่นิตยาก็มีหลายคนที่ได้นำสิ่งที่ได้ค้นพบมาเพิ่มคุณค่าให้ตนเอง
ดิฉันเองก็เป็นคนที่โชคดีคนหนึ่งที่ได้ร่วมเรียนรู้และสัมผัสบรรยากาศที่เปี่ยมสุขนั้นร่วมกับหลายคนในองค์กร บรรยากาศความร่วมมือร่วมใจที่เราหันหน้ามาพูดคุยกันอภัยให้กันแบบพี่ๆน้องๆ คนในครอบครัวเดียวกันไม่แบ่งพวกแบ่งฝ่าย จะมีอีกไหมบรรยากาศแบบนั้นตอนนี้เชิญชวนให้ป้า..เอ้ยพี่นิตย์เปิดบันทึกได้แล้วนะคะ..เห็นเช่นเดียวกับพี่ปิ่งนะว่า
เสียดายความรู้ฝังลึกที่มีอยู่ในบุคลากรรุ่นบุกเบิกของบำราศถ้าพี่ๆช่วยเล่าช่วยเขียนให้ฟังก็เหมือนกับช่วยต่อยอดความคิดและแนวทางในการทำงานที่เป็นประโยชน์สืบต่อกันไป....
และเฮ้อ..บรรยากาศแบบโอดีเชื่อว่ายังคงมีอยู่ในใจเราทุกคนเพียงแต่ไม่แน่ใจว่ามันยังเข้มข้นต่อความมุ่งมั่นและเข้มแข็งในผลลัพธ์อยู่หรือเปล่า...