ผมเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัย เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว -
แน่นอน, ชมรมที่ได้รับความสนใจทั้งต่อผมและเพื่อน ๆ ย่อมไม่มีใครเกินกว่า "ชมรมอาสาพัฒนาฯ" แต่ก็ยอมรับโดยดุษฎีว่าในวัน เปิดโลกกิจกรรมนิสิต มีอยู่ครั้งเดียวเท่านั้นกระมังที่ผมลงชื่อเป็น "สาวก" หรือ "แฟนคลับชมรมอาสา" นอกนั้นไม่ได้ลงชื่อเป็นสมาชิกเลย...ไม่เคยเป็นกรรมการชมรม ไม่เคยอยู่ค่ายจนตลอดรอดฝั่ง
แต่ก็ยังยืนยัน ในก้นบึ้งเป็นแฟนคลับชมรมอาสา ! และแฟนพันแท้ .. แฟนพันเปอร์เซ็นต์ !
ยุคหลัง ๆ ผมมักจะได้รับของที่ระลึกและของฝากจากน้องอาสาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น กระจก, ที่คั่นหนังสือ หรืออื่น ๆ รวมถึงของฝากจากการเดินทางอันเป็นของขบเคี้ยวจาก "เจ้ากุ้ง" "เจ้าตรี" (น้องสาวที่ไม่เคย "สวย" ) และคนอื่น ๆ
แต่ในระยะหลังๆ บรรดาของฝากหรือของที่ระลึกเริ่มหายไปบ้าง แต่ที่พบบ่อยจะเป็น “ตั๋วหนัง" แทนซะมากกว่า !
ช่วงที่ผมยังเป็นนิสิตนั้น, ถ้าไม่นับความเป็น "ค่ายสร้าง" แล้ว ชมรมอาสาในยุคนั้นจะมีกิจกรรมเรียกน้ำย่อยทางสังคมอยู่บ่อยครั้ง นั่นคือ "ผ้าป่าหนังสือ"
ผ้าป่าหนังสือ --- ในยุคนั้น ผมถือว่าอาสาคือ "ต้นแบบ" และเป็น "เจ้าแห่งผ้าป่าหนังสือ" ที่ยากหาใครเทียมได้ และต่อมาก็มีองค์กรนิสิตอื่น ๆ เดินตามวิถีของชาวอาสา ซึ่งอาจจะเป็นแรงบันดาลใจ ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว เช่น พรรคชาวดิน จัดต้านลมหนาวสานปัญญา พลังสังคมผ้าป่าการศึกษา รวมถึงชมรมรุ่นสัมพันธ์และชมรมในสังกัดคณะการบัญชีฯ ต่างก็เคยจัดกิจกรรมในทำนองนี้มาแล้วกันทั้งนั้น
ทว่าทุกวันนี้กิจกรรมผ้าป่าหนังสือกลับเร้นหายไปจากวิถีกิจกรรมของชาวชมรมอาสาพัฒนาแห่ง มมส
หรืออาจเป็นเพราะสภาพสังคมและความแร้นแค้นแปรรูปไปตามยุคสมัยก็เป็นได้, กิจกรรม "ง่าย ๆ งาม ๆ " อย่างผ้าป่าหนังสือของอาสาก็เปลี่ยนไปและยุติลงในที่สุด
ผมชอบผ้าป่าหนังสือของชาวอาสา, จนเป็นแรงบันดาลใจยุยงให้น้อง ๆ พรรคชาวดินได้จัดกิจกรรมที่มีชื่อว่า “ผ้าป่าอาหารสัตว์” (ไม่เกี่ยวกันแต่มีต้นสายปลายเหตุอันเป็นแรงจูงใจเช่นนี้จริง !)
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับการเร้นหายตายจากของผ้าป่าหนังสือนั้น –
ผมเข้าใจว่า อาจเป็นเพราะแนวคิดกิจกรรมของอาสาได้พัฒนาและเปลี่ยนรูปไปตามบริบทของสังคมก็เป็นได้
จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ ผมให้ความเคารพในการตัดสินของชาวอาสาเสมอ หากแต่อดที่จะระลึกถึงความ "ง่าย" และ ความ "งาม" ของกิจกรรมนี้ไม่ได้
ง่าย, เพราะกิจกรรมนี้ไม่ได้ซับซ้อนในเรื่องรูปแบบอะไรมาก การตระเตรียมก็ไม่หนักหนาอะไรเลย เพียงประชาสัมพันธ์พอเป็นพิธี กระแสศรัทธาของคนในและนอกมอก็หลั่งไหลไม่ขาดสาย ที่สำคัญ มีบางปีที่ประสบความสำเร็จเชื่อมประสานกับองค์กรภายนอกรับบริจาคหนังสือได้มากมายก่ายกอง กลายเป็นกิจกรรมใหญ่โต ก็เคยมีมาแล้ว...
งาม, เพราะกิจกรรมนี้สามารถนำพานิสิตไปเรียนรู้และสัมผัสกับกิจกรรมนอกรั้วมหาลัย...ใช้เวลาเพียงน้อยนิด สร้างเสริมวันหยุดให้มีค่าต่อการเรียนรู้ ก่อเกิดผลึกความคิดด้าน "สำนึก" ต่อสังคม
ได้ไปเชิญธงชาติ, ร้องเพลงชาติ ในเช้าสาย ๆ ของวันหยุดที่โรงเรียนในชนบท
ได้ไปวิ่งเล่นกับน้องตัวน้อยที่หยุดเรียนแต่ไม่หยุดเล่น
ได้ไปรื้อค้นห้องสมุดและห้องเรียนที่รกรุงรังให้มีสภาพน่าอยู่ น่าเรียน
ได้ไประลึกถึง "วันและวัยที่อ่อนโยน" ของตัวเองที่ผ่านพ้นมา..
จะว่าไปแล้ว, ผมยืนยันว่าผ้าป่าหนังสือคืองานที่ง่ายและงามเสมอ
ถึงแม้มิได้มีกิจกรรมอื่นใดในกิจกรรมนี้ แต่การมอบแค่ "หนังสือ" ก็ถือว่าเป็นการมอบ "คัมภีร์ชีวิต" ให้กับน้องตัวน้อย ... ที่เหลือก็คือตัวเขาจะเป็นผู้สังเคราะห์ เรียนรู้และเติบใหญ่จากวัตถุดิบที่เรามอบไว้ให้.... เพราะโดยส่วนตัวผมเชื่อและศรัทธาอยู่เสมอว่า "ชีวิตคนเราเติบโตได้จากการอ่านหนังสือ"
ทุกวันนี้, วันเวลาผ่านพ้นมาหลายปี ผมไม่เคยเห็นการกลับมาของผ้าป่าหนังสือของชาวชมรมอาสาฯ อีกเลย หากแต่พอรู้มาว่าการออกค่ายแต่ละครั้งก็มีการบูรณาการเรื่องสื่อการศึกษาไปในค่ายนั้นอยู่บ้าง,
ผมคิดถึง เพราะยังตราตรึงกับความง่ายและงามของกิจกรรมนี้ -
วันหยุดที่มีความหมาย และมีกิจกรรมง่าย ๆ ที่ยิ่งใหญ่ให้ได้ทำประโยชน์ต่อสังคม
หวนกลับมาสู่วันนี้, วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ถูกรัดตรึงอยู่กับการเรียนการสอน กิจกรรมถูกบีบรัดเวทีลงอย่างน่าใจหาย กอปรกับทุกวันนี้แทบไม่มีกิจกรรมใดที่จะพามวลชนออกไปสัมผัสโลกภายนอกอย่าง ง่าย ๆ งาม ๆ และมีคุณค่า
กระนั้น, สำหรับผมแล้ว ผมไม่เคยลืมที่จะบอกกับตนเองว่าผ้าป่าหนังสือคือแรงบันดาลใจที่ให้คิดกิจกรรมผ้าป่าอาหารสัตว์และการเกิดแนวคิดต้านลมหนาวสานปัญญาของพลพรรคชาวดิน..
แต่ก็ช่างเถอะ, ถึงแม้ผ้าป่าหนังสือจะเป็นวิถีที่จากหายไปจากชาวอาสาแล้ว แต่ก็ไม่มีใครพรากเรื่องราวและภาพชีวิตของกิจกรรมนี้ไปจากผมได้
ทว่าก็ขอยืนยันอีกที,..... ผ้าป่าหนังสือ คือ ความทรงจำอันไม่รู้จบของผม !!
Simplicity and Sustainable
Cheer krab!!!
อาจารย์ กฤษณา สำเร็จ
ขอบพระคุณมากครับ ที่แวะมาให้กำลังใจสม่ำเสมอ วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยมากเพราะชีวิตเดินเข้าออกห้องประชุมทั้งวัน...แฟ้ม เฟิ้ม ไม่มีอันได้เซ็นกันเลย...
แทบไม่มีแรงมานั่งเขียนบันทึก...แต่พอมาเขียนบันทึกก็ดูเหมือนจะเป็นการบำบัดความอ่อนเพลียได้ไม่น้อย
คุณแผ่นดินคะ
คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
และ คุณ somporn (หญิงสาวผู้นำข่าวความฝันมาไกลโพ้น) เช่นเดียวกับคุณเอก
ด้วยรัก จึงมีผองเพื่อน
มีฝันคอยเตือนทุกแห่งหน
หวังไว้เพียงเพื่อผองชน
จึงทนเก็บดินก้าวเดิน