ความรู้สึกพึงพอใจหลังจากที่ได้ทำอะไรๆ สำเร็จไปแล้ว ....ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีครับ ....เพราะมันคือ “แรงสะท้อนกลับ” ที่จะทำให้ “ไฟในใจ” ของเราลุกโชนต่อไปได้ นี่คือประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ของข้อมูลสะท้อนกลับในทางบวก (Positive Feedback)
คนไทยส่วนใหญ่มักจะชอบดูหนังที่จบลงอย่างมีความสุข หรือที่เรียกว่า “Happy Ending” ถ้าหนังเรื่องใดจบแบบพระเอกตาย หรือจบแบบให้ต้องคิดต่อแล้วล่ะก็ .... จะไม่พอใจอย่างยิ่ง .... ซึ่งสิ่งนี้ผมเห็นว่าไม่ค่อยจะตรงกับวัฒนธรรม KM ครับ
ผู้ที่ “ใช้ KM” จะเห็นว่าเรามักจะจบกิจกรรมต่างๆ ด้วยการทำ AAR ...ทำเพื่อที่จะได้สำรวจตัวเองว่า ที่เราทำมานั้น ...มีอะไรบ้างที่ทำได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ ...อะไรบ้างที่ยังไปไม่ถึง และที่สำคัญก็คือได้เรียนรู้ว่า ...ถ้าจะทำงานลักษณะคล้ายๆ กันนี้อีก ควรจะต้องเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงอะไรบ้าง ....สิ่งที่ได้จากการ AAR ถึงแม้ว่าอาจจะเป็น Feedback ที่ไม่ถูกใจเราไปเสียทั้งหมด แต่ผมว่ามันมี “ความสด ความงาม” อยู่ในนั้น...
ใครที่ไม่เข้าใจว่าที่ผมพูดนี้ หมายถึงอะไร ลองเข้าไปอ่านใน... [ที่นี่] แล้วท่านจะได้พบกับ “ความใหม่ ความสด” ที่เกิดจากการเรียนรู้แบบไม่มีอัตตา ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมองเราอย่างไร เป็นสิ่งที่ “สดใส และสวยงาม” ...ไม่ได้จบแบบ Happy Ending เท่านั้น แต่เป็นการจบแบบ “Happy Learning” ไปพร้อมๆ กันด้วย
ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ประพนธ์...
ขอสนับสนุนที่อาจารย์ว่า "happy ending ยังไม่พอ ต้อง happy learning" ครับ
ยินดีที่ได้รับทราบข่าวคราวจาก ดร. สวัสดิ์ ...และรู้สึกว่าดร.สวัสดิ์ ได้ "ก้าวล่วง" ไปข้างหน้าอย่างมั่นใจและสุขใจ ...ว่างๆ แชร์ให้ฟังบ้างนะครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนหลายคนรวมทั้งตัวผมด้วย คำพูดของ ดร.สวัสดิ์ที่ว่า "ผมทิ้งเงินเพื่อมาหาชีวิต" ยังคงดังก้องอยู่ในตัวผมเสมอมา ...นับตั่งแต่ได้เจอกันในวันนั้น....
สวัสดีครับ
Happy Ending มากๆ บ่อยๆ โดยไม่ใส่ใจ AAR ในไม่ช้า ความทุกข์ ความเดือดร้อนก็มาเยือน เพราะว่ามัวเพลินแต่เสวยผลที่เรียกว่า Happiness จนไม่เห็นเหตุ อันหลากหลาย เพื่อจะได้เตรียมการรับมือกับเรื่องใหมาๆที่จะผ่านเข้ามา อย่างฉลาด และรู้เท่าทัน.