หน้าแรก
สมาชิก
นาง ธุวนันท์ พานิ...
สมุด
การจัดการความรู้ก...
การจดทะเบียนเป็นน...
นาง ธุวนันท์ พานิชโยทัย
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
การจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
นายสันติ อุทัยพันธ์ ผู้อำนวยการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.)
กล่าววัตถุประสงค์ในการออกกฎหมายให้กองทุนหมู่บ้านให้เป็นนิติบุคคล เพราะ สทบ. ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกเรียนรู้ ลองผิด ลองถูก โดยที่ไม่มีกฎหมายมาเป็นตัวบังคับ มาจนครบ 5 ปี
และเบื้องต้นขณะนี้สมาชิกกองทุนสามารถพึ่งพาและบริหารงานด้วยตนเองได้แล้ว การแปลงเป็นนิติบุคคลจึงไม่น่าจะทำให้เกิดปัญหา แต่จะช่วยให้กองทุนมีสภาพคล่องในการทำงานมากขึ้น
นายสันติกล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.กองทุนหมู่บ้าน พ.ศ.2547 ได้ระบุไว้ชัดเจนถึงคุณสมบัติของกองทุนหมู่บ้านที่สามารถจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลได้ เช่นจะต้องมีโครงสร้างพื้นฐาน
มีการบริหารจัดการที่โปร่งใส รวมทั้งต้องมีเงินหมุนเวียนภายในกองทุนสม่ำเสมอหากเงินขาดบัญชีหรือมีหนี้ค้างชำระมากกว่า 15%
ในหนึ่งรอบบัญชีจะไม่สามารถจดทะเบียนได้
“
ที่มองกันว่าการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลคือ การผลักภาระหนี้จากการดำเนินงานในช่วงแรกให้กับคณะกรรมการชุดใหม่ และสมาชิกก็ถือว่าถูกต้อง แต่เป็นเพียงส่วนเดียว เนื่องจากหนี้ที่เกิดขึ้นเป็นหนี้ของประชาชนที่เป็นสมาชิกกองทุน และคณะกรรมการ ก็กลั่นกรองแล้ว
และจะให้เป็นภาระของคณะกรรมการอย่างเดียวคงจะไม่ได้ คงจะต้องเป็นหนี้ของทุกคน
”
นายสันติกล่าว
พร้อมช่วยถ้าเกิดฟ้องร้อง
นายสันติกล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านที่ปรับเป็นนิติบุคคล ทางกฎหมายถือว่าจะถูกตัดขาด นิติสัมพันธ์การช่วยเหลือจากรัฐ แต่ภาครัฐก็ยังพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือกรณีที่เกิดคดีฟ้องร้องเรียกคืนเงินกู้ระหว่างสมาชิกองทุนกับธนาคารต่างๆ ผ่าตัวแทน กทบ. จังหวัด และ สทบ.
ในกรุงเทพมหานครได้ตลอดเวลา
นายสันติกล่าวว่า ปัจจุบันมียอดการจดทะเบียนกองทุนหมู่บ้านจำนวน 78
,
000 หมู่บ้านเป็นนิติบุคคลแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่ยังไม่รับรู้ข้อมูลว่าจะมีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มีมากกว่า 10%
ส่วนใหญ่อยู่ใน 3 จังหวัดชานแดนภาคใต้ และชาวเขา 2. กลุ่มที่อยู่ระหว่างรอปิดงบประมาณปี 2549 และเตรียมเอกสารยื่นขอเป็นนิติบุคคล มีมากกว่า 60%
3. กลุ่มที่ผ่านการตรวจสอบเอกสารและรอจดทะเบียนเป็นนิติบุคลมี 10%
และ 4. กลุ่มที่ได้รับหนังสือจดทะเบียน เป็นนิติบุคคลแล้วมีประมาณ 10%
ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่
ส่วนการนำเงินที่ยังไม่ได้จัดสรรไปลงทุนซื้อพันธบัตร และได้ผลตอบแทนไม่ต้อง
นำส่งรัฐนั้น นายสันติกล่าวว่า ถือเป็นสิทธิและอำนาจตามกฎหมาย และรัฐไม่เรียกผลตอบแทนคืน เพราะต้องการให้กองทุนมีต้นทุนทำงานต่ำ ยืนได้ด้วยตนเอง ปล่อยกู้ช่วยเหลือสมาชิกให้สามารถกู้เงินดอกเบี้ยต่ำได้ และมั่นใจว่าจะไม่มีการนำเงินส่วนต่างผลตอบแทนที่ได้ไปใช้ส่วนตัว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบมูลค่าผลตอบแทนจากการที่กองทุนหมู่บ้านนำเงินไปฝากกับธนาคารพาณิชย์หรือซื้อพันธบัตรของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. เมื่อเดือนกรกฎาคม 2549
มีมูลค่ารวม 26
,
000
ล้านบาท คิดเป็นผลตอบแทนจากกองทุนละ 6 หมื่นบาทต่อปี
เขียนใน
GotoKnow
โดย
นาง ธุวนันท์ พานิชโยทัย
ใน
การจัดการความรู้กรมส่งเสริมการเกษตร
คำสำคัญ (Tags):
#กองทุนหมู่บ้าน
หมายเลขบันทึก: 72270
เขียนเมื่อ 12 มกราคม 2007 13:10 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 01:37 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
นาง ธุวนันท์ พานิ...
สมุด
การจัดการความรู้ก...
การจดทะเบียนเป็นน...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท