ตั้งแต่ช่วงปีเก่าผ่านไป ปีใหม่เข้ามา หลาย ๆ คนคงได้ไปฉลองเทศกาลนี้กันหลายรูปแบบ รวมถึงคงไม่พ้นที่จะต้องรับประทานกันเยอะกว่าปกติ จนอาจทำให้อึดอัดแน่นท้อง ดิฉันเองก็เป็นแต่อาการนี้เกิดไม่นาน พอทานเยอะเดี๋ยวเราก็ถ่ายเยอะ ที่ว่าแน่นเราก็จะหายไปเอง วันรุ่งขึ้นร่างกายก็กลับมาเป็นปกติ
แต่อาการอัดแน่นในหัวใจของดิฉันที่เกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปี จนกระทั่งข้ามมาถึงต้นปีนี้ เป็นอาการอัดแน่นยาวนานหลายวัน ไม่เหมือนแน่นท้อง ที่เป็นอยู่วันเดียวก็หาย
อาการนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการถูกเลือกให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นเลขานุการของคณะทำงานชุดหนึ่ง ปฏิบัติงานสำคัญชิ้นหนึ่งของสำนักงานเขตฯ ซึ่งเป็นภารกิจนอกเหนือจากงานประจำของตนเอง โดยที่ประชุมใหญ่เป็นผู้เลือก “คนทำงาน” ในชุดนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลาย ๆ ชุด ที่ต้องมีคณะทำงานหลายชุด ก็เนื่องจากงานนี้เป็นงานใหญ่ของสำนักงานเขตฯ เรา
ปกติดิฉันรับงานใดมาทำ ก็จะทุ่มเทและทำให้ดีที่สุด รับผิดชอบตลอดงานจนกว่าจะแล้วเสร็จ แต่งานนี้ดิฉันเกือบจะ “ถอดใจ” คืนงานกลับไปให้ส่วนกลาง ความอึดอัดคับข้องใจไม่ได้มาจากคณะทำงานของเราเลยแม้แต่น้อย ประธานของชุดท่านก็ทำหน้าที่ของท่านได้เหมาะสม รองประธานท่านก็หนุนนำมาโดยตลอด ทีมงานก็ร่วมแรงแข็งขัน ทุ่มเทใส่ใจ
ปัญหามาจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ประสานงานของส่วนกลาง ที่ท่านเข้ามาเสนอแนะมากเสียจนพวกเรารู้สึกว่าท่านน่าจะทำงานนี้เสียเอง และไม่เข้าใจว่าท่านจะตั้งทีมงานขึ้นมาทำไม แล้วตกลงใครเป็นประธานของชุดนี้กันแน่ ดิฉันเองก็หวั่นใจว่าวันหนึ่งอาจได้ปะทะคารมกัน เนื่องจากดิฉันเป็นคนหงุดหงิดง่าย และไม่ชอบการสั่งหรือติดตามงานแบบจ้ำจี้จ้ำไช ซึ่งดูเหมือนกับว่าเราเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง หรือทำงานไม่มีสมองอะไรทำนองนั้น
สิ่งที่ดิฉันคาดการณ์ไว้ก็เกิดขึ้นจริง ๆ ในคืนวันที่ 5 มกราคม 2550 เวลา 21.13 น. ขณะที่ดิฉันยังต้องนั่งทำงานชิ้นนี้อยู่ที่บ้านด้วย เพราะเกรงว่างานจะเสร็จไม่ทัน การปะทะคารมทางโทรศัพท์เกิดขึ้นหลังจากพูดคุยกันได้เพียงไม่กี่นาที และจบลงที่ท่านตัดสินว่าจะไม่ขอร่วมงานกับดิฉันอีกต่อไป ดิฉันอยากจะทำอะไรก็ทำไป ต่อไปท่านจะไม่สนใจอีกแล้ว
ดิฉันมาย้อนคิดด้วยความปวดร้าวใจว่า เรานี่ท่าจะไม่ได้ความ ที่ผ่านมาเราคงจะไม่ได้เรื่อง งานก็เสร็จไปแล้วระดับหนึ่ง หรือจะส่งมอบงานให้ท่านไปดำเนินการต่อเองจะได้ถูกใจท่าน เนื่องจากท่านมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ ซึ่งดิฉันก็ว่าท่านน่าจะเป็นประธานซะเอง จะหยิบดิฉันไปเป็นเลขาฯ ของท่าน ดิฉันก็ไม่ว่า ยอมรับได้ แต่ตอนนี้ดิฉันค่อนข้างอึดอัดใจเหมือนมีประธานของประธาน ไม่มีอิสระในการทำงาน และทำงานอยู่ภายใต้ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจมาโดยตลอด
หัวหน้ากลุ่มนิเทศฯ ของดิฉันซึ่งเป็นรองประธานของชุดนี้ เป็นผู้ให้กำลังใจและปลอบใจดิฉัน รวมทั้งเห็นว่าเราต้องทำงานต่อไปให้สำเร็จ ดิฉันเชื่อมั่นในความคิดเห็นของหัวหน้าว่าท่านมีมุมมองที่สมเหตุสมผล จึงหลับตาลงนอนในคืนนั้นได้ทั้งน้ำตา
เช้าวันรุ่งขึ้นดิฉันรับทราบจากหัวหน้าว่าโทรศัพท์ไปเคลียร์กับท่านแล้วพูดคุยกันนานเกือบครึ่งชั่วโมง ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะไม่ขอร่วมงานกับพวกเราอีก และจะไม่ให้ความร่วมมือใด ๆ ก็เกิดคำถามว่าหากท่านไม่สนใจดูแล “คนทำงาน” อย่างพวกเราแล้วจริง ๆ เราจะมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อทำงานชิ้นนี้ต่อไหม? เมื่อเช็คข้อมูลแล้วทราบว่าสามารถทำงานต่อไปได้ ดิฉันก็เริ่มลุยงานต่อ
ช่วงสาย ๆ ดิฉันมีปัญหาเรื่องข้อมูล ได้พยายามประสานไปยังบุคคลที่จะให้ข้อมูลได้ ก็ยังไม่ได้ข้อมูลที่ถูกต้องแน่นอน และทราบว่าท่านเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ด้วยตนเอง จึงจำเป็นต้องโทรศัพท์หาท่านอีกครั้ง...เช้านี้ฟังเสียงอ่อนลงไม่เหมือนเมื่อคืน หลังจากท่านให้ข้อมูลแล้ว ท่านได้กล่าวคำขอโทษในเรื่องที่ผ่านมาเมื่อคืน ดิฉันถึงกับน้ำตาร่วงอีกครั้ง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำขอโทษเร็วปานนี้
อยากบอกท่านว่า “หากจะมอบหมายงานให้ใครทำ กรุณามอบความไว้วางใจให้เขาไปด้วย เพราะเมื่อท่านเลือกเขามาทำงานชิ้นนี้ให้ท่านแล้ว แสดงว่าท่านเล็งเห็นแล้วว่าคนกลุ่มนี้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในงานนั้น ท่านจึงเลือกให้เขามาทำงานนี้ได้ เมื่อมอบแล้วท่านต้องเชื่อใจว่าเขาจะทำให้ท่านได้ การติดตามงานแบบจ้ำจี้จ้ำไช จู้จี้จุกจิก แบบนี้เหมือนเป็นการล้วงลูกโดยไม่รู้ตัว ทำให้คณะทำงานอึดอัดใจได้” แต่ก็ไม่มีโอกาสได้บอกพูดไปเดี๋ยวจะต่อความยาวสาวความยืดกันไปอีก เพราะท่านขอให้จบและลืมมันไปซะ
ดิฉันนึกว่า เป็น “ผู้ใหญ่” น่าจะเก็บอารมณ์ได้ดีกว่านี้ ซึ่งดิฉันเองก็เป็นกับเขาไม่ได้หรอกค่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดการปะทะคารมอันเนื่องมาจากการระเบิดอารมณ์ของดิฉันด้วย เมื่อทบทวนแล้วดิฉันเองก็ต้องปรับปรุงตัวด้วยเช่นกัน ต่อไปต้องอดทนให้มากขึ้น ใช้ศิลปะในการบริหารจัดการให้มากกว่านี้ เรื่องนี้เป็นบทเรียน “สอนใจ” อีกเรื่องหนึ่งในต้นปีนี้ของดิฉัน
เป็นบทเรียนชีวิตให้กับคนอื่นได้ดีเลยครับ
แต่กว่าเป็นบทเรียน ชีวิต คนที่ได้รับตรงๆคงเจ็บปวดจิตใจมากเลย
"บางที่การทำงานที่เกิดความลำบากในใจ มันจะทำให้กำลังใจเราถดถอย แต่ถ้าเราฝ่าอุปสรรคนั้นไปได้ จะพบว่าความสุขหรือความทุกข์กันแน่ ที่จะทำให้งานสำเร็จ"
ขอเป็นกำลังใจในการทำงานให้ครับ
เข้าใจความรู้สึกนี้ดีค่ะ คิดเสียว่า "เดี๋ยวมันก็ผ่านไป"
ขอบคุณพี่สุค่ะ....ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และความช่วยเหลือในทุกเรื่องตลอดมาค่ะ