สติกเกอร์เด็กไม่ดี


มุมมองที่ต่างกัน ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้น

ปีใหม่ผ่านไปรวดเร็วมากตามความคิดของผม
เพราะตารางเวลาเปลี่ยนไปตามอากาศกล่าวคือ
กลับไปถึงหอพักก็นอน ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสัตว์เลือดเย็นที่เจออากาศหนาวก็จะจำศีลท่าเดียว ผมนอนจนกระทั้งเกือบเที่ยงคืน ตื่นมาหาอะไรทานแล้วทำงานสัก 3-4 ชั่วโมงแล้วก็นอนต่อจนเช้า...เรื่องออกกำลังกายนี่ตัดไปเลยครับ ทำให้ตอนนี้รูปร่างผมผอมลงไม่น้อยเพราะ กินน้อย ออกกำลังน้อย แต่นอนเยอะ(อันหลังไม่รู้เกี่ยวไม๊)

 สามัคคีคือ....zzz....

 อย่ามาใกล้นะ... อิอิ

 เอาใจพี่หมูหน่อย

เขียนกิจวัตรไปเยอะแล้วมาเข้าเรื่องดีกว่าครับ ปีใหม่นี้ผมได้เจอสหายแปลกหน้ามากมาย สหายที่ว่าไม่ใช่อะไรครับ หนังสือนั่นเอง
หนังสือเป็นอะไรที่ผมขาดไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีหนังสือผมก็มานั่งเขียนหนังสือ(บล็อก)ที่นี่แหละ
มีสหายเล่มหนึ่งที่ผมอ่านแล้วตรึงใจมาก
เป็นวรรณกรรมเกาหลีครับ 

เรื่อง "สติกเกอร์เด็กไม่ดี"

เล่าเรื่องราวของเด็กที่ได้รับสติกเกอร์เด็กไม่ดีประจำ เป็นกติกาที่ครูสร้างขึ้นเพื่อต้องการพัฒนาเด็ก แน่นอนว่ามีสติกเกอร์เด็กดีด้วยแต่มีคนได้น้อยมากและในเรื่องไม่ค่อยกล่าวถึงเพราะสหายท่านนี้(ตัวเอก)ไม่ค่อยได้รับ หุๆ


เรื่องดูธรรมดามากแต่คนแต่งๆ ได้โดนใจข้าน้อยตรงที่เล่าถึงความคิดแต่ละคนผ่านสติกเกอร์อันนี้ ไม่ว่า ครู ผู้ปกครอง เด็ก และเพื่อนๆโดยเฉพาะสหายท่านนี้ไม่คิดว่าตัวเองเป็นเด็กไม่ดี ครูต่างหากที่ไม่ดี ไม่รู้ว่าสิ่งที่เด็กๆ ทำนั้นทำไมจึงทำเช่นนั้น มุมมองผ่านเด็กที่เป็นเด็กดีเด่น ความรู้สึกที่ได้สติกเกอร์ครั้งแรกนั้นทำร้ายเขาแค่ไหน มุมมองของเด็กหลายๆ คนกับที่ผู้ใหญ่เช่นผมยังอายที่คิดตามไม่ทัน
ผมไม่แปลกใจเลยเมื่ออ่านจบแล้วเห็นรายชื่อรางวัลต่างๆ จากหนังสือเล่มนี้

หลังจากจบเล่มนี้ ผมไปอ่านต่อกับหนังสือสารกระตุ้น
เรื่องเครื่องซักผ้าที่ไม่ทำงาน

มุมมองของคนเขียนกับพี่สาวผ่านเครื่องซักผ้าที่ต่างกัน พี่สาวเปิดเครื่องทำให้มันทำงานได้ แต่คนน้อง(ผู้เขียน)ทำยังไงก็เปิดไมได้แม้จะได้คำใบ้บอกจากพี่สาวก็ตาม จนพี่สาวต้องมาทำให้ดู
ยิ่งจุดประกายความคิดให้ผมเข้าไปอีก

คนแต่ละคนมีจุดยืนต่างกัน มีมุมมองแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน ต่างคิดและทำในสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าถูก
อย่างเรื่องสติกเกอร์เด็กไม่ดี ตอนท้ายตัวเอกแอบเอาสติกเกอร์ของอาจารย์ไปฉีกทิ้ง หากมองจากคนภายนอกไม่ว่ายังไงพระเอกก็ผิดแน่นอน ครูที่มาเจอภายหลังว่าสติกเกอร์หายรู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร
รู้หรือไม่ว่าทำไมตัวเอกจึงทำเช่นนั้น

เรื่องราวไม่มีผิดถูก แต่ปัญหาเกิจากการไม่เข้าใจกัน ขาดการสื่อสารที่เปิดใจกัน
เหมือนกับ KM ที่ต้องการความเข้าใจตรงกันก่อนที่จะมุ่งเป้าพัฒนาต่อไป ไม่งั้นอาจเกิดเหตุการณ์ฉีกสติกเกอร์ (นวัตกรรมของครูเขาละ) ขึ้นมาก็ได้

จบบันทึกด้วย KM ได้ยังไงไม่รู้ ด้วยเวลา 45 นาทีเศษๆ

ปล.ยังมีหนังสือยังกองอยู่พะเนินใหญ่รอข้าน้อยไปสัมผัสอยู่

  ขอให้ทุกท่านหลับดีมีสุขนะขอรับ

หมายเลขบันทึก: 71917เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2007 18:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2012 13:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

คุณจันทร์เมามายซ่อนรูปอะไรไว้ในบันทึกหรือเปล่าคะ

เวลาเปิดบันทึกจะมีรูปวาดหมาหลายตัวนั่งหันหลังเรียงแถว....แต่จะขึ้นมาแป๊บเดียวแล้วก็หายไป

...เป็นรูปที่ทำเชิงซ้อนหรือว่าคอมของดิฉันเจอไวรัส?แต่เจอจากบันทึกคุณจันทร์เมามายคนเดียวค่ะ

ขอขอบคุณอาจารย์จันทร์เมามาย...

  • ภาพหมานอนตะแคง + แมวนอนหงายน่าเอ็นดูมากครับ
  • อ่านชื่อเรื่องทีแรก นึกว่าเป็นเรื่องสติ๊กเกอร์ห้องตรวจเด็กมีปัญหาเสียอีก
  • ทำให้ได้ข้อคิดว่าบางครั้งเราก็สรุปตามความเข้าใจเข้าใจของเราเอง ถ้าไม่รอบครอบนะคะ
  • ภาพน่ารักมากๆ เลยค่ะ

เห็นด้วยค่ะว่า การสื่อสารที่เปิดใจกันเป็นสิ่งสำคัญ
ในการที่จะมุ่งเป้าสู่การพัฒนา

เวลาผ่านไปรวดเร็ว เพราะเรามีเวลาว่างน้อยลงอ่ะ

ตอนเด็กๆ ดูเหมือนเวลายาวนานมาก

โตขึ้นมาหน่อย เวลาดูจะหดสั้นลง

ยิ่งช่วงชีวิตทำงานเนี่ย แทบจะไม่มีอะไรให้จดจำเท่าไหร่เลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท